Custom Search

วันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ประจำเดือน ,ปวดประจำเดือน

***ปวดประจำเดือน ถ้าใครไม่เคยปวด หรือปวดแต่น้อย ก็คงโชคดีไปค่ะ
แต่สำหรับคนที่ปวดประจำเดือน เป็นประจำ จะเข้าใจบทความที่ดิฉัน
จะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ได้ดีแน่ ๆ อูยย.....

***อาการ ปวดประจำเดือน ของดิฉัน เริ่มเป็นมาตั้งแต่เริ่มมีประจำเดือน
ครั้งแรกเลยค่ะ ตอนปวดก็ไม่ได้ทานยาอะไร นอนปวดบิดไปบิดมา
อยู่อย่างนั้น ไม่กล้าบอกใคร แล้วเผลอหลับไป พอตื่นขึ้นอาการ
ปวดประจำเดือน ก็หายไปเอง พอเดือนถัดไปพอ ประจำเดือน มาอีก
ก็นอน พอตื่นมาอาการ ปวดประจำเดือน ก็จะหายไปเป็นอย่างนี้
มาตลอด

***มีคนบอกว่าถ้าปวดประจำเดือน แล้วทานยาทุกครั้ง อีกหน่อยก็ต้อง
ทานยาตลอด เวลาปวดดิฉันก็เลยไม่อยากทานค่ะ ทนปวดเอา
***แต่วันหนึ่งดิฉันก็ปวดท้องมาก ไม่ได้ ปวดประจำเดือน หรอกนะคะ
ก็ไปหาหมอและก็เจอว่า อาการที่ปวดเกิดจาก ***มีซีสที่ปีกมดลูกค่ะ
พอได้ฟังก็ตกใจมากค่ะ เพราะไม่เคยได้ยินมาก่อน
หมอบอกว่า ซีสที่ดิฉันเป็นเกิดจาก ประจำเดือนค่ะ ซึ่งมาแต่ละเดือน
แล้วไหลออกมาไม่หมด ทำให้ค้างสะสมอยู่ข้างใน พอนานวันเข้า
ก็กลายเป็นก้อน และค่อย ๆ ใหญ่ขึ้น จนกลายเป็นซีสอย่างที่บอกนั่นแหละ
เป็นช็อกโกแลตซีสค่ะ
แต่เหตุการณ์นั้นก็ผ่านไปได้ พอผ่าตัดซีสออกแล้วก็โล่งอก..
และคิดว่าเมื่อผ่าซีสออกไปแล้ว อาการ ปวดประจำเดือน ก็คงไม่กลับ
มาปวดอีก แต่...ไม่เป็นเช่นนั้นหรอก...

***ตอนนี้ดิฉันแต่งงานแล้ว อาการปวดประจำเดือน ก็ไม่หายสักที
แถมยังจะปวดมากขึ้น และเดี๋ยวนี้เวลา ปวดประจำเดือน จะนอน
เพื่อให้หายปวด ก็ไม่มีผลแล้วค่ะ จะต้องทานยาพาราฯ แก้ปวด
ไม่อย่างงั้น ไม่หายค่ะ ปวดทรมานมาก นอนก็นอนไม่หลับ
มีอาการปวดหลัง ปวดเอว ร่วมด้วย
และเวลาปวดประจำเดือน ดิฉันจะทำงานไม่ได้เลย ไม่มีแรง
ต้องนอนพัก วันนั้นต้องหยุดงานค่ะ เป็นประจำทุกเดือน
มีอยู่ครั้งหนึ่งปวดประจำเดือนมาก มากจนพูดไม่ออก ไปโรงพยาบาล
หมอต้องฉีดยาแก้ปวดให้ จึงสบายขึ้นค่ะ

***และหมั่นไปตรวจช่องคลอดทุกปีค่ะ เพราะกลัวจะเป็นซีสอีก หมอบอกว่า
มีโอกาสเกิดได้อีก จนกว่าจะไม่มี ประจำเดือน หรือวัยหมดประจำเดือน
หรือก็คือ วัยทอง นั่นแหละค่ะ
และก็กลัวจะเป็นโรคอื่นอีก..เฮ้อ! เป็นผู้หญิงแล้วลำบากเนอะ

***มาถึงตอนนี้อาการปวดประจำเดือน ของดิฉันก็ยังไม่หายนะคะ ยัง
ปวดกันอยู่ทุกเดือน ที่มีประจำเดือน ยาที่ทานเป็นประจำก็คือ
“ พอนสแตน 500” ค่ะ
พอเริ่มมี ประจำเดือน ก็ลงมือทานเลย เพราะถ้ารอให้ปวดประจำเดือน
ก่อนแล้วค่อยทาน ก็จะทรมาน ก็เลยทานดักไว้เลยดีกว่า…
{หมอบอกว่า ให้ทานหลังอาหารทันทีค่ะ เพราะยาตัวนี้ส่งผลต่อกระเพาะ
อาหารของเรา}
{ห้ามเด็ดขาด..ถ้าไม่ทานอาหารก่อน ท้องจะร้อง...ดังมาก เคยมาแล้ว!}

***ที่จริงก็ไม่อยากให้ทานหรอกนะคะ แต่สำหรับคนที่ ปวดประจำเดือน ก็ต้องทาน ถ้าไม่ทานก็ต้องปวด และยาตัวนี้ยังช่วยบรรเทาอาการปวด
ของกล้ามเนื้อ กระดูก และช่องคลอด เวลาประจำเดือนมา
ช่วยทำให้คลายอาการ ปวดประจำเดือน ลงได้อย่างมากค่ะ

++และช่วงก่อนมาประจำเดือน ให้งดอาหารรสเค็ม และอย่าดื่มน้ำเยอะค่ะ
เพราะจะทำให้อวัยวะในอุ้งเชิงกรานบวมน้ำ จะทำให้เวลามาประจำเดือน
จะมีอาการปวดประจำเดือนได้ค่ะ

***ที่จริงอาการ ปวดประจำเดือน จะเริ่มหายไปเอง เมื่อมีลูกค่ะ
มีคนบอกมาอย่างนั้น.. ... ดิฉันไม่เข้าใจหรอก......
เพราะดิฉันยังไม่มีลูก... และอยู่ในภาวะมีลูกยากค่ะ
เมื่อมีโอกาสน้อยในการมีลูก อาการ ปวดประจำเดือน ก็คงไม่หาย

***มีอีกทางหนึ่งที่คุณหมอแนะนำดิฉันมาก็คือ “ ต้องตัดมดลูกทิ้งไป
หรือ ฉีดยาเพื่อให้มดลูกฝ่อไปเอง”
อาการ ปวดประจำเดือน ก็จะหายเลย
แต่คุณหมอยังไม่อยากให้ทำทั้งสองอย่างที่บอกมา เพราะยังมีโอกาส
มีลูกได้อยู่ เพราะถ้าได้ตัดมดลูกหรือฉีดยาไปแล้ว ก็หมดโอกาสเลย
ดิฉันเลยยังยั้งไว้ก่อน เพราะยังอยากมีลูกอยู่ ถึงจะ ปวดประจำเดือน
ก็ต้องทน
แต่เวลา ปวดประจำเดือน มาก ๆ เข้าก็อยากจะเอาออกให้รู้แล้วรู้รอดไป

***ขณะที่เล่าอาการ ปวดประจำเดือน อยู่นี้ ประจำเดือนก็กำลังมาค่ะ
และก็ปวด แต่ก็ทานยาดักอาการอยู่ ก็เลยค่อยยังชั่ว
และก็เข้าใจสำหรับผู้หญิงที่ต้องปวดประจำเดือน

***อย่าลืมไปตรวจมะเร็งปากมดลูกปีละครั้ง
และบอกเล่าอาการปวดประจำเดือน ของคุณมาให้ฟังบ้างก็ได้นะคะ
จะได้รู้สึกดีขึ้น สบายดีค่ะ***

วันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2551

มา ผิวขาว ด้วยกันเถอะ!

*******ผิวขาว เป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา ยิ่งมีผิวขาวแถมเนียนใส
ไม่มีสิวมีฝ้าด้วยแล้วล่ะก้อ เป็นเรื่องที่น่ายินดี
และโชคดีมาก ๆ ค่ะ
และสมัยนี้ก็มีเครื่องสำอางมากมาย หลายยี่ห้อที่จะทำให้ผิวขาว
ก็โฆษณาสรรพคุณของตัวเองว่าใช้แล้วดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้
จนเลือกไม่ถูกว่าจะใช้ยี่ห้อไหนดี
*******จากสภาพอากาศของบ้านเรา แสงแดดจะแรงมาก ทำให้
คนเป็นฝ้า เป็นกระ หน้าหมองคล้ำกันได้ง่ายไม่ว่าจะเป็นคน
ผิวขาว ผิวคล้ำ ก็มีโอกาสเป็นกันได้ทั้งนั้น
และนี่แหละที่เป็นที่มาของเครื่องสำอางทุกยี่ห้อต้องมีสินค้าหลักคือ
ชุดผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวขาว เกิดขึ้นมากมาย
*******และเพราะผู้หญิง (รวมผู้ชายด้วยก็ได้ ) ใคร ๆ ก็อยากสวย
อยากหล่อ อยากมี ผิวขาว ปราศจากสิวฝ้า เพราะทำให้ดูดีกว่า
ผิวคล้ำที่มีฝ้าจริงไหมค่ะ
ผู้หญิงทุกคนจึงคอยติดตามถามหาว่า มีครีมชนิดไหนบ้าง และมี
วิธีไหนที่ช่วยให้ผิวสวย ผิวขาว ได้บ้าง
ซึ่งก็มีหลายยี่ห้อมาก ๆ ถูกบ้าง แพงบ้าง
แต่ถ้าใช้ถูกกันก็ดีไป แต่ถ้าใช้แล้วไม่ถูกก็ไม่ได้ผล อยากผิวขาว
อย่างที่โฆษณาก็ไม่ได้ผล

********ในบทความนี้จึงอยากจะแนะนำวิธีธรรมชาติที่ใช้กันมาแต่
โบราณ และไม่มีอันตรายต่อสุขภาพ
นั่นก็คือ **ผลไม้** ของบ้านเรา ที่เราใช้รับประทาน
กันอยู่ทุก ๆ วันนั่นแหละ
ซึ่งก็อาจจะเป็นทางเลือกนึงที่อาจช่วยให้คนที่อยากขาว ผิวขาว
ขึ้นมาได้บ้าง หรือคนที่มี ผิวขาวอยู่แล้วก็ขาวด้วย และเนียนใสอีก
ต่างหาก เพราะผลไม้ส่วนมากมีวิตามินซีผสมอยู่ เราเอามาพอก
หน้า พอกตัว ทำให้ผิวขาวขึ้นได้
ไปดูกันค่ะว่ามีผลไม้อะไรบ้าง...............

++++อย่างที่ 1 มะเขือเทศไงคะ
ลูกเล็ก ลูกใหญ่ก็ได้ทั้งนั้นค่ะ กะให้พอหน้าหรือตัวที่จะพอก
-------เอาแต่ไส้ในของมะเขือเทศเท่านั้นนะคะ
ใส่ถ้วยเตรียมไว้
-------ก่อนพอก ต้องอาบน้ำล้างหน้าให้สะอาดก่อน
ให้เอามะเขือเทศพอกให้ทั่วใบหน้า
-------และพอกตามแขน ขา หรือส่วนไหนที่อยากให้ขาว
ถ้าไม่รู้สึกคัน ก็พอกทิ้งไว้ประมาณ 10 – 20 นาที
-------แล้วทิ้งไว้ให้แห้งค่ะ
แล้วค่อยล้างออก เช็ดหน้าให้แห้ง
-------ถ้ารู้สึกผิวหน้าแห้งตึง ให้ทาครีมบำรุงก่อนนอน
ตื่นมาตอนเช้า ผิวเราจะผิวขาวขึ้นและมีน้ำมีนวล

++++ไปดูอย่างที่ 2 ก็คือสับปะรด หลายตานั่นเอง
ในสับปะรดมีวิตามินซี ทำให้ ผิวขาว ได้
เวลาทานสับปะรด ตรงหัวจะหวาน แต่ตรงหางจะเปรี้ยว
-------ให้เราเอาส่วนที่เปรี้ยวมาบี้ให้พอละเอียดค่ะ
น้ำของสับปะรดก็จะออกมา ใส่ถ้วยไว้
-------ให้เอาน้ำมันมะกอกมาผสม {หรือจะใช้น้ำผึ้งก็ได้}
ผสมให้เข้ากันดีค่ะ
[ที่ต้องเอาไปผสมกับน้ำมันมะกอกหรือน้ำผึ้งก็เพราะ ถ้าจะทา
สับปะรดอย่างเดียว จะทำให้คันได้นะคะ]
------ก่อนทา ก็ต้องทำอาบน้ำ ล้างหน้าให้สะอาดก่อนนะคะ
แล้วค่อยทา ทิ้งไว้
[อยากให้ผิวขาว ขาว ของคุณนุ่มและเนียนใสขึ้น
ผิวกาย หัวเข่า หรือตรงไหนที่หยาบกร้านก็ทาตรงนั้น]
ทาทิ้งไว้สักพักจะช่วยให้ผิวนุ่มและช่วยให้ ผิวขาว ขึ้นได้ค่ะ
{แต่ถ้าทาแล้วรู้สึกคันล่ะก้อ ไม่ถูกกันแล้วค่ะ ผิวคุณบอบบาง
ให้รีบล้างออกเลยค่ะ เดี๋ยวแทนที่จะได้ผิวสวย ผิวขาว
ก็จะได้ผิวด่าง ๆ แทน
ไปใช้วิธีอื่นดีกว่า}

++++อย่างที่ 3 ก็เจ้ามะขามเปียกของเราค่ะ
สรรพคุณของมะขาม คุณ ๆ ทั้งหลายคงจะทราบดีนะคะ
แต่สรรพคุณที่จะใช้ในบทความนี้ก็คือช่วยให้คุณ ผิวขาวขึ้นได้ค่ะ
(ดิฉันทำอยู่ค่ะ เห็นผลด้วย ผิวดูเนียนขึ้น นุ่มขึ้น
และก็ผ่องขึ้นค่ะ ทำให้ดู ผิวขาวขึ้น)
วิธีทำก็คือ
--------เอามะขามเปียก(แกะเม็ดออกแล้ว) กะให้พอผิวที่จะทำ
ใส่ถ้วยแล้วใส่น้ำร้อนแช่ทิ้งไว้รอให้อุ่น ๆ หน่อย
ค่อยบีบเอาน้ำมะขามข้น ๆ
-------เอาดินสอพองก้อนเล็ก ๆ 1 ก้อน {จะใช้ขมิ้นก็ได้ค่ะ}
บี้ให้ละเอียดใส่ผสมในน้ำมะขามค่ะ คนให้เข้ากัน
-------ก่อนทำอาบน้ำล้างหน้าให้สะอาดก่อน
แล้วพอกให้ทั่วใบหน้า แขน และขา
ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที (หาหนังสืออ่านรอไปพลาง ๆ ก็ได้ค่ะ)
-------ให้ใช้น้ำอุ่นล้างก่อน แล้วตามด้วยน้ำเย็นตบเบา ๆ
เช็ดให้แห้งค่ะ
ถ้าคนผิวแห้งควรใช้ครีมบำรุงก่อนนอนด้วยนะคะ
ตื่นมาตอนเช้าผิวของคุณจะดูชุ่มชื่น เปล่งปลั่งดูนวลดูผิวขาวขึ้น
ไปดูวิธีต่อไปเลยค่ะ

++++อย่างที่ 4 การเอาขมิ้นผสมกับมะนาวค่ะ
ก็จะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยทำให้ผิวขาวขึ้นได้ค่ะ
{ปริมาณที่ใช้ให้กะเอาเองค่ะ ว่าจะทาทั้งตัว หรือบางจุด}
--------สำหรับคนที่มีผิวมัน การใช้วิธีนอกจากจะช่วยให้คุณ ผิวขาว
ขึ้นแล้ว ยังเป็นการขจัดความมันออกได้ด้วยค่ะ
--------สำหรับคนผิวแห้ง
ต้องเอาน้ำผึ้งหรือน้ำมันมะกอก(เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง)
มาผสมลงไปด้วยค่ะ
แล้วทาทิ้งไว้อย่างน้อยประมาณ 10 นาทีค่ะ
วิธีก็เหมือนวิธีอื่นค่ะ
ก่อนทำก็ต้องทำความสะอาดร่างกายกันก่อนทุกครั้งค่ะ

++++มาดูอย่างที่ 5 คือ ขมิ้น ดินสอพอง และนมสด
นำส่วนผสมทั้ง 3 ตัวนี้ ใส่ในถ้วยแล้วคนให้เข้ากันจนเหลว ๆ
ชำระร่างกายให้สะอาดก่อน
นำไปพอกร่างกายตามที่ต้องการได้เลย
ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที
--------ข้อระวังสำหรับคนผิวแห้งค่ะ
**ถ้าจะใช้กับใบหน้า**
ต้องผสมน้ำผึ้ง หรือน้ำมันมะกอก (อย่างใดอย่างหนึ่ง)ด้วย
เพื่อจะได้ไม่แห้งมาก
**แต่ถ้าใช้กับผิวกาย ตามข้อศอก หัวเข่า หรือส่วนที่หยาบ**
ก็ไม่ต้องผสมน้ำผึ้ง หรือน้ำมันมะกอก ก็ได้ค่ะ
เพราะถ้าไม่ผสมน้ำผึ้งหรือน้ำมันมะกอก จะแห้งเร็ว สามารถขัดผิว
ขัดขี้ไคล แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น แล้วทาครีมบำรุงด้วย
จะทำให้ผิวนุ่มเนียน ทำให้ดู ผิวขาว ขึ้นค่ะ
**สำหรับคนผิวมัน จะใช้แค่ ดินสอพอง กับ นมสด ก็ได้ค่ะ
ถ้าคนหน้ามันส่วนผสมนี้จะช่วยดูดความมันได้ค่ะ

******คิดว่า ทั้ง 5 วิธีที่นำมาแนะนำก็คงจะเพียงพอ เป็นวิธีที่
ประหยัด และได้ผล
[ถ้าหากคุณสามารถปฏิบัติได้ 2 – 3 ครั้ง ต่อสัปดาห์ เป็นประจำ]
ในบางคนที่มีผิวบอบบาง และแพ้ง่าย ถ้าทำแล้วอาจจะคัน หรือ
แพ้ได้
ถ้าเป็นเช่นนั้น ให้ทาครีมหรือโลชั่น ชั้นหนึ่งก่อน แล้วค่อยทา
แต่ถ้ายังรู้สึกคัน ให้หยุดใช้ ล้างออกด้วยน้ำอุ่นให้สะอาดทันทีค่ะ
และทาครีมหรือโลชั่นอีกรอบ
สำหรับคนผิวมันไม่ต้องทาอะไรก็ได้ เพราะหลังใช้ผิวจะชุ่มชื่นและ
นวล ดู ผิวขาว ขึ้น สบายดีค่ะ
***********+++++++++++++++++++++***********

วันพุธที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ไขมัน

**ไขมัน ไขมัน พอได้ยินคำนี้ ทุกคนก็เบือนหน้าหนีเสียแล้ว
เพราะสิ่งที่ทุกคนกลัวเกี่ยวกับไขมัน คือ กลัวอ้วน กลัวเป็น
ไขมันในเลือดสูง
ไขมัน เป็นอาหารหลักหมู่ที่ 2 ในบรรดาอาหารหลัก 5 หมู่
ซึ่งอาจได้จากไขมันสัตว์ หรือไขมันจากพืชก็ได้
แต่ไขมันที่ใคร ๆ ก็กลัวและพยายามหนี ความจริงแล้วก็มี

ประโยชน์นะจ๊ะ อ้ะ! ไปดูกันว่ามีประโยชน์อย่างไร

**ประโยชน์ที่ได้จากไขมัน
--ไขมันเป็นตัวให้แรงงานแก่ร่างกายเราสูงสุด
--ไขมันจะเป็นตัวนำสารจำพวกวิตามิน A D E K และ
คอเลสเตอรอลเข้าสู่ร่างกายของคนเราได้ง่ายขึ้น
--จะมีไขมันพวกไตรกลีเซอไรด์ ที่ทำให้ลื่นคอ และรู้สึก
อร่อยกว่าไม่มีไขมัน
--ไขมันช่วยให้อาหารอยู่ในกระเพาะอาหารนานขึ้น
ทำให้เรารู้สึกอิ่มอยู่ได้นานขึ้น
--ไขมันเป็นตัวหล่อลื่น ช่วยให้การขับถ่ายไขมันที่อยู่
รอบ ๆ อวัยวะต่าง ๆ
--ไขมันจะช่วยกันการกระทบกระเทือนที่จะเกิดแก่อวัยวะ
--ไขมันที่อยู่ใต้ผิวหนัง ช่วยกันความร้อนไม่ให้ระเหยจาก
ร่างกาย ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น

**ถึงเราจะกลัว ไขมัน
แต่อาหารที่เรารับประทานกัน จำเป็นต้องมีไขมัน บ้าง จะ
เลือกรับประทานอย่างไรจึงจะปลอดภัยต่อร่างกาย
เช่น เราต้องใช้น้ำมันในการประกอบอาหาร จะเลือกอย่าง
ไหนดี บางคนเลือกตามเงินในกระเป๋า บางคนเลือกเพราะ
ดีต่อสุขภาพ

**น้ำมันที่ขายอยู่ตามท้องตลาดก็มีหลายชนิด จะมีกรดไขมัน
เป็นองค์ประกอบอยู่ 2 ชนิด คือ
--กรดไขมันอิ่มตัว
--กรดไขมันไม่อิ่มตัว

ในบทความนี้ จึงนำตารางแสดงปริมาณกรดไขมัน ในน้ำมัน
ชนิดต่าง ๆ มาให้เปรียบเทียบกันค่ะ

ไขมันจาก กรดไขมันอิ่มตัว กรดไขมันไม่อิ่มตัว
------------------------------------------
น้ำมันมะพร้าว----------86-------------6-------
น้ำมันปาล์ม------------48-------------8-------
น้ำมันหมู-------------38-------------53------
น้ำมันงา--------------15-------------40------
น้ำมันถั่วเหลือง----------15-------------23------
น้ำมันมะกอก-----------14-------------72------

ถ้าเราจะเลือกใช้น้ำมัน ให้พิจารณาตามตารางดังนี้ค่ะ
--ถ้าเลือกน้ำมันชนิดที่มี กรดไขมันอิ่มตัว ยิ่งสูง...ก็ยิ่งมีโอกาส
เกิดไขมันในเลือดสูง
--ให้เลือกน้ำมันที่มี กรดไขมันไม่อิ่มตัว ที่มีตัวเลขสูง..ก็ยิ่งดีต่อ
สุขภาพ
--ดูจากราคาน้ำมันว่า เรา พอซื้อใช้ได้หรือไม่
เช่น ดูจากตารางจะเห็นว่า น้ำมันมะกอกมีกรดไขมันอิ่มตัวต่ำ
และมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง เป็นน้ำมันที่ดีที่เหมาะ
กับสุขภาพ แต่ราคาออกจะแพงหน่อย
ก็ต้องเลือกที่ดีรองลงมา
--ดูว่าเราจะนำน้ำมันไปใช้ทำอะไร ถ้าใช้ทอด
กรดไขมันไม่อิ่มตัว รองลงมาคือน้ำมันหมู เราจะใช้บ้าง
บางครั้งก็ได้

***แต่อย่าลืมว่า น้ำมันจากสัตว์ มี กรดไขมันอิ่มตัวสูง
จึงเสี่ยงที่จะเกิดคอเลสเตอรอลสูง
ทำให้มีโอกาสเกิดโรคของหลอดเลือด โรคความดันโลหิตสูง
และโรคหัวใจได้

*** ที่จริงถ้าเลี่ยงอาหารที่ทอดได้ก็จะดีมาก ๆ ค่ะ
--ในพืชไม่มีคอเลสเตอรอล เช่น น้ำมันมะพร้าว
แต่ในน้ำมันมะพร้าวมี กรดไขมันอิ่มตัว สูงสุด
[เพราะฉะนั้นการรับประทานแกงกะทิ หรืออาหาร ขนมต่าง ๆ
ที่มีกะทิเป็นส่วนผสมเป็นประจำ จึงเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่าง ๆ
เช่นเดียวกับการรับประทานไขมันจากสัตว์ แม้ไม่มี
คอเลสเตอรอลก็ตาม]
--การรับประทานน้ำมันเพื่อสุขภาพที่ดี
***ควรจะไม่เกิน 3 - 5 ช้อนชา / วัน / คน
เราจึงจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงอาหารที่ต้องใช้น้ำมันทอด
อย่าทานเป็นประจำ...

***หันมารับประทานอาหารประเภทต้ม นึ่ง หรือยำ
ผักและผลไม้สด ๆ กันดีกว่าค่ะ***

***แล้วเจอกันในบทความรักษาสุขภาพในบทต่อไปค่ะ
สบายดีค่ะ***

วันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2551

วิธีรักษา อาการผมร่วง ผมร่วง โรคผมร่วง

การรักษา อาการผมร่วง ผมร่วง โรคผมร่วง

*** อาการผมร่วง ผมร่วง โรคผมร่วง เนื่องจากสุขภาพหนังศีรษะของ
เราไม่ดี เมื่อหนังศีรษะไม่ดีแล้วเส้นผมก็มีอาการผมร่วง ผมร่วง โรคผมร่วง
ตามมาให้เราได้กังวลกัน
อาการผมร่วง ผมร่วง โรคผมร่วง เป็นสิ่งที่หลายคนกังวลมาก ตัวเอง
ก็กังวลเหมือนกันเวลาที่มี อาการผมร่วง ผมร่วง โรคผมร่วง ก็เคยอ่าน
หนังสือเกี่ยวกับ อาการผมร่วง ผมร่วง โรคผมร่วง หนังสือบอกว่า
อาการผมร่วง ผมร่วง โรคผมร่วง ที่เกิดแต่ละวัน 100 – 200 เส้น เป็นเรื่อง
ปกติ แต่ดิฉันคิดว่าถ้าเกิด อาการผมร่วง ผมร่วง โรคผมร่วง เกิดกับคนที่มี
ผมน้อยอยู่แล้วจะไม่ให้เขากังวลก็ไม่ได้นะ
เพื่อนของดิฉันก็มี อาการผมร่วง ผมร่วง โรคผมร่วง เขาจะกังวลอยู่ตลอด
เพราะเขาผมบางอยู่แล้ว ยิ่งคิดมาก อาการผมร่วง ผมร่วง โรคผมร่วง
ก็ยิ่งเกิด บ้างก็หาแชมพูป้องกัน อาการผมร่วง ผมร่วง โรคผมร่วง ก็ไม่ได้
ผลสักเท่าไหร่ อาการผมร่วง ผมร่วง โรคผมร่วง ก็ยังเป็นอยู่ไม่หายเสียที
แล้วยิ่งเวลาสระผม อาการผมร่วง ผมร่วง โรคผมร่วง จะเยอะมากเป็นพิเศษ
คุณต้องเคยเจอใช่ไหมคะ เคยนับหรือเปล่า (โอย! ไม่อยากนับเลย)
เปลี่ยนแชมพูก็หลายยี่ห้อ อาการผมร่วง ผมร่วง โรคผมร่วง ก็ไม่หาย

*** มาดูบทความต่อไปนี้ดิฉันมีวิธีบำรุงรักษาหนังศีรษะ ช่วยให้หนังศีรษะชุ่มชื่น
ช่วยแก้ อาการผมร่วง ผมร่วง โรคผมร่วง
ให้คุณลองไปทำดูกันค่ะ
เป็นวิธีธรรมชาติค่ะ เส้นผมกับหนังศีรษะต้องดูแล บำรุงควบคู่กันไปค่ะ

ของที่ใช้คือ
****** น้ำมันละหุ่ง หรือน้ำมันมะพร้าว หรือน้ำมันพืช (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
ที่สะดวก)
****** แล้วปอกเปลือกกระเทียม
****** หั่นกระเทียมใส่ลงไปในน้ำมันที่คุณเลือก
****** แล้วแช่ทิ้งไว้สัก 2 วันนะคะ

ขั้นตอนการบำรุงหนังศีรษะแก้ อาการผมร่วง ผมร่วง โรคผมร่วง ทำได้ดังนี้
********* ก่อนสระผม ให้คุณนำมานวดหนังศีรษะให้ทั่วเลย
********* ทิ้งไว้สัก 1 ชั่วโมง
********* แล้วค่อยใช้แชมพูสระผมล้างออกด้วยน้ำสะอาดตามปกติ

วิธีนี้ก็จะช่วยรักษาหนังศีรษะให้ชุ่มชื่น เส้นผมมีชีวิตชีวา และช่วยให้คุณหายจาก
อาการผมร่วง ผมร่วง โรคผมร่วง ได้ด้วยค่ะ

อย่าลืมลองทำกันดูนะคะ ทำแล้วอาการผมร่วง ผมร่วง โรคผมร่วง ได้ผลยังไง
ก็เขียนมาบอกเล่ากันได้นะคะ
แล้วเจอกันในบทความต่อไปค่ะ สบายดีค่ะ**************

วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2551

อาการท้องผูก , อาการท้องเสีย

อาการท้องผูก , อาการท้องเสีย

ดิฉันคนหนึ่งล่ะค่ะที่มีอาการท้องผูกบ่อยมาก เป็นคนธาตุหนัก
และดิฉันเป็นคนที่ทานผักได้ไม่กี่อย่างค่ะ เลยมีอาการท้องผูก
บ่อย จะเลือกทานเฉพาะที่ชอบเท่านั้น อาการท้องผูก เลยไม่หาย
ซะที เวลามีอาการท้องผูก จะมีอาการอย่างอื่นตามมาค่ะ ก็จะ
ปวดจุกเสียด มีลมในท้อง เวลาเป็นจะปวดมาก จะนวดก็ปวด
จะโดนตรงที่จุกเสียดไม่ได้ ต้องค่อย ๆ คลึง จนกว่าจะมีลมออกมา
ก็จะค่อย ๆ หาย
เวลาที่ดิฉันมีอาการท้องผูก ต้องทานผักให้เยอะ ๆ เพื่อจะได้ถ่ายออกมา
แต่พออาการท้องผูก หายไป ดันมีอาการท้องเสียตามมาทุกครั้งเลย
และก็เป็นลักษณะประจำตัวของดิฉันไปแล้วล่ะค่ะ
เวลามีอาการท้องเสีย ก็ทรมานนะคะถ่ายแล้วถ่ายอีก ไม่มีอะไรจะ
ถ่ายก็ปวด มีอาการท้องเสียอยู่ทั้งวัน ต้องหายามาทานแก้
อาการท้องเสีย แต่พอหายจากอาการท้องเสีย ดันกลับมาเป็น
อาการท้องผูก อีก เป็นสลับกันอย่างนี้เดี๋ยวมีอาการท้องเสีย เดี๋ยวมี
อาการท้องผูก

***เวลาที่มีอาการท้องผูก ดิฉันจะทานมะละกอสุกค่ะ ช่วยได้มากเลย
พยายามทานผัก ผลไม้ให้มากขึ้น อาการท้องผูก ก็ค่อย ๆ ดีขึ้นแล้วค่ะ
และดื่มน้ำเยอะ ๆ ค่ะ วันละ 8 – 10 แก้ว ช่วย อาการท้องผูก ได้มาก
ทีเดียวค่ะ
**หรือถ้าใครมีวิธีอื่นที่ช่วยอาการท้องผูก ได้ก็เขียนมาบอกกันบ้างก็ได้
มีหลาย ๆ วิธี มีหลาย ๆ ความคิด ก็ดีกว่าคิดอยู่คนเดียวนะคะ
*****************************แล้วเจอกันค่ะ*****************************

วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ซีสที่หน้าอก

.....ดิฉันไม่ได้เป็นซีสที่หน้าอกหรอกค่ะ แต่มีเพื่อนที่เขาเป็น
ซีสที่หน้าอก ก่อนที่เพื่อนจะรู้ว่าเขาเป็นซีสที่หน้าอก เพื่อนเคย
มาปรึกษา ว่ารู้สึกเจ็บ ๆ ที่หน้าอก กลัวจะเป็นซีสที่หน้าอก
พวกเพื่อน ๆ ก็ช่วยกับจับหน้าอกดู ก็เจอเป็นก้อน ๆ ก็บอกว่าให้ไปตรวจ
กว่าจะไปตรวจได้ ก็หลายวัน ก็เขากลัวน่ะสิ
ผลตรวจก็คือเป็นซีสที่หน้าอก ต้องผ่าซีสที่หน้าอกออก เพื่อนเขาก็กลัวมาก
พวกเพื่อน ๆ ก็ปลอบ ไม่ต้องกลัว แค่ผ่าเอาซีสที่หน้าอกออกไม่ได้ตัดนมออก
ก็เลยผ่าซีสที่หน้าอกออก โดยรักษานมไว้

.....ดิฉันคิดว่า เมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นอะไร แล้วรักษาเสียแต่เนิ่น ๆ
ดีกว่ามารู้เมื่อแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
เพราะฉะนั้นเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกังวลว่าจะเป็นโรคอะไรหรือเปล่า
ก็ให้ไปตรวจเสียแต่เนิ่น ๆ จะได้รักษาได้ทันท่วงที
ดีกว่าทิ้งไว้ไม่ไปตรวจ แล้วมานั่งคิดว่าตัวเองเป็นโรคนั้น โรคนี้
ไม่เป็นการดีต่อสุขภาพของเราเลยค่ะ

**********และที่สำคัญที่ควรทำคือ หมั่นดูแลสุขภาพ
****************คอยตรวจเช็คหน้าอกของเราบ่อย ๆ นะคะ

วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2551

“sex”กับการหลั่งเร็ว

*****เรื่องใหญ่ที่สุดสำหรับผู้ชายคือ การหลั่งเร็วเมื่อมี “sex”หรือ
เมื่อมีเพศสัมพันธ์อาการหลั่งเร็วเวลามี “sex” เป็นอาการที่
สามารถแก้ไขได้ครับโดยไม่ต้องไปหาหมอให้เสียเงินหรอกครับ

*****อาการหลั่งเร็วเมื่อเวลามี “sex”หรือมีเพศสัมพันธ์กับคู่ครอง
ส่วนมากมากจากความเครียดจากการทำงาน อาการหลั่งเร็วเวลามี
“sex”อาจมาจากความกลัวว่าเราอาจจะหลั่งเร็วเวลามี “sex”
กับคู่ครองอีก คือจะคิดทุกครั้งซึ่งไม่เป็นผลดีแน่ ๆ

*****อาการหลั่งเร็วเมื่อมี “sex” หรือเพศสัมพันธ์กับคู่ครองยิ่ง
มีอาการมากขึ้น ถ้าคู่ครองพูดในทำนองว่า ใช้การไม่ได้
อาการหลั่งเร็วเมื่อมี “sex” หรือมีเพศสัมพันธ์กับคู่ครอง
ในส่วนของภรรยาจะต้องให้กำลังใจและไม่พูดกระทบไป
ในทางที่ผู้ฟังจะคิดมาก

*****อาการหลั่งเร็วเมื่อเวลามี “sex”กับคู่ครองถ้าไม่รีบรักษา
ก็จะกลายเป็นคนที่ไม่อยากมี “sex” ไปเลยก็ได้ ยิ่งชีวิต
คู่ด้วยแล้วการมี “sex” หรือการมีเพศสัมพันธ์ในระหว่าง
สามี – ภรรยาถือว่า การมี “sex” เป็นสิ่งที่จะทำให้ชีวิต
คู่จะอยู่หรือจะไปจากกันทีเดียว

*****อาการหลั่งเร็วเมื่อมี “sex” มีวิธีรักษาที่ไม่อยากแต่
ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าอาการหลั่งเร็วเวลามี “sex” ของแต่ละคน
ว่าเป็นมากน้อยแค่ไหน แต่ไม่ว่าอาการหลั่งเร็วเมื่อมี “sex”
จะมากน้อยเพียงไหนก็ใช้วิธีที่ผมจะแนะนำอย่างเดียว
ก็พอแต่เวลาในการชะลออาการหลั่งเร็วเมื่อมี “sex”
ได้มากน้อยแค่ไหนนั่นก็แล้วแต่ว่าคุณขยันทำแค่ไหน

.....วิธีชะลออาการหลั่งเร็วเมื่อมี “sex”ให้ปฏิบัติตามนี้

*****ให้คุณฝึกการขมิบ ก้น ให้ได้วันละประมาณ 100
ถึง 200 ครั้ง จะช่วยลดอาการหลั่งเร็วเมื่อเวลาที่คุณมี
“sex” ได้ ถ้าคุณขมิบก้นไม่เป็น ก็ให้นึกถึงตอนที่คุณ
อั้น อุจจาระ นั่นแหละครับ รับรองอาการหลั่งเร็วในเวลา
มี “sex” จะค่อย ๆ หายไปแต่ต้องใช้เวลานะครับ แต่
จะเห็นผลได้ในครั้งแรกเลย คือคุณจะสามารถชะลอ
อาการหลั่งเร็วเวลามี “sex” ได้แบบที่คุณจะสังเกตได้เอง

*****อาการหลั่งเร็วเมื่อเวลามี “sex” คุณต้องทำการ
ขมิบ ก้น บ่อย ๆเท่าที่คุณจะนึกได้ คือนึกได้เวลาไหนก็ทำได้
ตลอดเวลา เพื่ออาการหลั่งเร็วเมื่อเวลามี“sex” จะได้ค่อย ๆ
หายไป ไม่ต้องกลัวคนอื่นเห็น แต่ให้ทำบ่อย ๆ ไม่ใช่พอ
อาการหลั่งเร็วเมื่อเวลามี “sex”หายก็เลิกทำ ไม่ได้นะครับ

*****ถ้าอยากหายจากอาการหลั่งเร็วเมื่อเวลามี “sex”ก็
ให้ปฏิบัติให้เป็นนิสัยนะครับ รับรองว่าอาการหลั่งเร็วเวลามี
“sex”ก็จะดีขึ้น กำลังใจ ความมั่นใจก็จะกลับมาด้วย

*****ขอให้หายจากอาการหลั่งเร็วเมื่อเวลามี “sex”เร็ว ๆ
นะครับแล้วถ้าใครปฏิบัติแล้ว อาการหลั่งเร็วเมื่อเวลามี “sex”
ได้ผลแบบผม ก็บอกเล่ามาให้รู้กันบ้าง

*****แล้วพบกันใหม่นะครับเพื่อน ๆ*****

วันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2551

พังผืดที่ปีกมดลูก

.....กว่าจะรู้ว่าปวดเพราะพังผืดที่ปีกมดลูก
ใครจะคิดล่ะว่า นี่คือผลพวงจากการผ่าตัด
ดิฉันเคยผ่าตัดซีสที่ปีกมดลูก เมื่อปี 39 ค่ะ และนี่ก็ผ่านมา
10 ปีแล้ว หลังผ่าตัดจนถึงวันที่เริ่มมีอาการ

.....พังผืด กว่าจะรู้ว่าตัวเองเป็นพังผืดที่ปีกมดลูกที่เกิดจากการ
ผ่าตัดซีส ก็ทรมานเสียหลายเดือน ไปโรงพยาบาลก็หลายรอบ
พบหมอก็หลายคน ไปทั้งตรวจทางสูตินารี ตรวจเกี่ยวกับโรคไขข้อ
โรคกระดูก เพราะมีอาการปวดหลัง ปวดเอว ร่วมด้วย

.....เพิ่งมารู้จริง ๆ ว่าตัวเองเป็นพังผืดที่ปีกมดลูก ที่จากการผ่าตัดซีส
ก็เมื่อเดือนพฤษภาคมนี้เอง
เพราะเกิดปวดตรงขาหนีบรุนแรงมาก แต่ไม่ได้ไปหาหมอ
(เพราะเป็นวันหยุด) ก็เลยทานยาแก้ปวด ก็ไม่หายปวดแล้ว
เย็นวันที่ 5 พ.ค. ก็ไปหาหมอแบบฉุกเฉิน ผลตรวจภายในออกมาว่า
เราเป็นพังผืดที่ปีกมดลูก ที่เกิดจากการผ่าตัดซีส

.....อาการปวดพังผืดที่ปีกมดลูกนี้ไม่หาย ถ้าเรายังมีประจำเดือน
หมอบอกว่าต้องตัดมดลูกทิ้งทั้งสองข้าง อาการปวดพังผืดที่ปีกมดลูก
นี้ก็จะหาย พอดิฉันได้ฟังก็อึ้ง
แต่หมอบอกว่าไม่อยากให้ตัดมดลูกตอนนี้ เพราะตัดแล้วไม่มีฮอร์โมน
ผู้หญิงจะทำให้แก่ (ได้ยินคำว่าแก่แล้ว เลยไม่ตัดดีกว่าค่ะ ฮะ ฮะ)
หมอให้ยาพอนสแตน 500 ไปทาน และต้องทานทุกเดือน เพราะเจ็บ
ทุกครั้งที่มีประจำเดือน
พอวันที่ 9 พ.ค. เลยไปหาหมอสูตินารีอีกรอบ และได้ซาวด์ช่องคลอด
สรุปคือ ดิฉันเป็นพังผืดที่ปีกมดลูกค่ะ
หมอบอกวิธีรักษาพังผืดที่ปีกมดลูกคือ ฉีดยาเพื่อให้มดลูกฝ่อไปเอง
ฉีดยาไม่ให้ประจำเดือนมา จนมดลูกฝ่อไปเอง
แต่หมอยังไม่อยากฉีดยาให้ เพราะยังมีโออาสมีลูกอยู่
.....วิธีแก้คือต้องรีบมีลูก อาการปวดพังผืดที่ปีกมดลูกนี้จะหาย
(ดิฉันอยู่ในภาวะมีลูกยาก)

***อาการปวดพังผืดที่ปีกมดลูกที่ดิฉันเป็นอยู่ก็คือ ถึงเวลาประจำ
เดือนมา ก็จะเริ่มมีอาการปวดตุ๊บ ๆ เหนือขาหนีบด้านขวาตามมาทันที
เมื่อเริ่มปวดพังผืดที่ปีกมดลูก ก็ต้องทานยาทันที และทานไปจนกว่า
จะหายปวดพังผืดที่ปีกมดลูก กินเวลา 2 สัปดาห์ได้ (**แล้วจะมี
วันไหนทำลูกได้ล่ะคะ ก็เล่นปวดอยู่ตลอด ฮิ ฮิ)

.....ทุกวันนี้พอถึงเวลาก็ทานยา ทานยา แก้ปวดพังผืดที่ปีกมดลูก
แต่ดิฉันก็คลายกังวลไปแล้ว เพราะรู้แล้วว่าเป็นพังผืดที่ปีกมดลูก
ไม่ต้องเดาสุ่มว่าตัวเองเป็นโน่น เป็นนี่ (อีกอย่าง สามีดิฉันก็ให้กำลังใจ
ตลอด ถึงเวลาก็เอายาให้ทาน ปวดก็คอยนวดให้)

***ใครมีอาการอย่างนี้หรือนอกเหนือจากที่อ่าน ก็เขียนมาเล่ากันบ้างนะคะ
ยินดีรับฟังปัญหาทุกเรื่อง รออยู่นะคะ***

วันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ซีสที่ปีกมดลูกและซีสที่มดลูก

.....ซีส นึกถึงซีสที่ปีกมดลูกและซีสที่มดลูก ใครจะคิดว่าจะเกิดกับตัวเอง
เพราะเมื่อ 10 ปีก่อน ซีสที่ปีกมดลูกและซีสที่มดลูก ไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก
พอใครเป็นซีสที่ปีกมดลูกและซีสที่มดลูก ขึ้นมาก็กลายเป็นเรื่องใหญ่โต
เหมือนเป็นโรคร้ายแรง และยิ่งใครเป็นซีสที่ปีกมดลูกและซีสที่มดลูก
ที่เกี่ยวกับมดลูก ก็ยิ่งน่ากลัวมาก

.....ดิฉันเจอมากับตัวเอง พอผ่าตัดซีสที่ปีกมดลูกแล้ว ก็เจอคำถามจาก
คนรอบข้าง บ้างก็ว่าเป็นซีสที่ปีกมดลูกแล้วต้องตัดมดลูกด้วย
เป็นซีสที่ปีกมดลูกแล้วจะมีลูกไม่ได้นะ, บ้างก็ว่าเป็นโรคอะไรก็ไม่รู้ น่ากลัว
เจอเข้าอย่างนี้ก็ทำให้ตัวเองคิดมาก เป็นกังวลเหมือนกัน
แต่เวลาผ่านไป ก็ทำใจได้บ้าง เพราะไม่นานนัก ซีสที่ปีกมดลูกและซีสที่มดลูก
ก็เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปมากขึ้น เพราะมีผู้หญิงที่เป็นซีสที่ปีกมดลูกและ
ซีสที่มดลูกกันเยอะขึ้น ข่าวสารก็แพร่หลายมากขึ้น ทำให้เรารู้ข้อมูล
เกี่ยวกับซีสที่ปีกมดลูกและซีสที่มดลูกกันมากขึ้น

.....ซีสที่ปีกมดลูกที่ดิฉันเป็น เรียกว่า ช็อกโกแลตซีส
คุณหมอบอกว่า ที่เกิดเป็นช็อกโกแลตซีสนี้ เกิดจากประจำเดือน
ซึ่งแต่ละเดือนเมื่อประจำเดือนมาแล้วไหลออกมาไม่หมด
ตกค้างอยู่ แล้วค่อย ๆ สะสมกันเป็นก้อน นานวันเข้าก้อนนั้น
ก็ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นช็อกโกแลตซีสที่เรารู้จักกันนั่นเอง

.....สำหรับคนที่เป็นซีสที่ปีกมดลูกและซีสที่มดลูก
ถ้าเป็นแล้วก็ไม่ต้องกังวลนะคะ สมัยนี้ผู้หญิงมีโอกาสเป็นซีสที่ปีกมดลูก
และซีสที่มดลูกกันได้มากขึ้น ซีสที่ปีกมดลูกและซีสที่มดลูกไม่ได้เป็น
โรคที่น่ากลัวอะไร เมื่อรู้ว่าเป็นก็รีบรักษา ไม่ต้องกลัวการผ่าตัดนะคะ
และขอเป็นกำลังใจให้สำหรับคนที่ซีสที่ปีกมดลูกและซีสที่มดลูกค่ะ
และอย่าลืมไปตรวจมะเร็งปากมดลูกปีละครั้งด้วยนะคะ .......สู้สู้........

วันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2551

วิธีรักษา”หูด”

*****ตอนนี้มีคำถามเยอะมากครับก็เลยขอความกรุณาให้ไปที่
blog นี้นะครับ คลิกอ่านเรื่องหูดเพิ่มเติมที่นี่
จะได้มีพื้นที่รับความคิดเห็นต่อนะครับอีกอย่าง
ผมได้อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวเรือง หูด ไว้ด้วยก็ขอเชิญนะครับ
และถ้าไครมีคำแนะนำดี ๆ ก็ส่งมานะครับ
***ขอบคุณครับ


ใครเคยเป็น หูด บ้างครับ ผมเป็นมาแล้วแสดงว่าผมไม่ตกยุค
หูด เป็นแล้วไม่เจ็บแต่จะทำให้รำคาญครับแต่น้อยกว่า “ตาปลา” ครับ

ผมเป็นตอนช่วงเด็ก ๆ ครับ ที่แรกเม็ดนิดเดียวนึกว่าสิวไม่คิดว่า
จะเป็น หูด หรอกครับเพราะชื่อก็ยังไม่เคยได้ยินเลยว่า หูด คืออะไรเพราะ
ขึ้นที่ขาครับเลย งง! ผมก็เลยใช้วิธีแกะครับ หาย ครับ แต่เดี๋ยวเดียว
พอขึ้นอีกที่ครับนี้ หูด โตขึ้นครับ

พอได้ หูด โตขึ้นผมก็ใช้ที่ตัดเล็บเลยครับ ทำการตัด หูด ออกอีกที
เหมือนเดินขึ้นที่เก่าแต่ใหญ่กว่าเดิม ผมก็ทำวิธีเดิมครับ พอนานเข้าไม่ไหว
ครับมันใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ครับ ครั้งสุดท้ายที่ผมจำไม่ผิด หูด ของผมมีขนาด
เท่าปลายนิ้วก้อย นิ้วก้อยของผู้ใหญ่นะครับ

ลักษณะของ หูด ก็คือจะเป็นก้อนแข้ง ๆ นูนออกมา
ผมเป็นที่ขาช่วงเหนือตาตุ่ม ขึ้นมาประมาณ 1 ฝ่ามือครับ ตรงบนสุดของ
หูด จะสากผิวจะขรุขระและแข้งมาก

หูด มีรากนะครับและจะลึกขึ้นตามขนาดของหัว หูด ครับ
แต่ที่ผมเป็นไม่เจ็บครับ แต่จะรำคาญและอายครับ เพราะไม่ค่อยมีคนเป็น
หูด กันนักหรอกครับ

ก็ได้คำแนะนำจากแม่ล่ะครับ ให้ใช้วิธีโบราณที่เค้าทำกันมากใน
การรักษา หูด ได้ผลครับและไม่เป็นแผลเป็นด้วย เฉพาะผมนะครับ เพราะ
ทุกวันนี้ มองไม่เห็นแผลเป็นที่เกิดจาก หูด เลย

วิธีรักษา หูด มี 2 วิธีครับ

*****1. ใช้น้ำยางของมะระกอ ตรงผลดิบนะครับ นำมาแต้มที่หัวของ หูด
ต้องทำบ่อยมาก แต่ผมไม่ได้ใช้วิธีนี้นะครับ ผมใช้วิธีที่ 2 ในการรักษา หูด

*****2. ใช้ ธูป ครับ อ่านไม่ผิดหรอกครับผมใช้ธูปในการรักษา หูด ไม่ได้จุด
แล้วบนนะครับ มาอ่านดูว่า ผมใช้ ธูป ในการรักษา หูด อย่างไร

ให้คุณเตรียมธูปมา 1 ดอก คือส่วนมากใช้เพียงแค่ดอกเดียว
ก็เอาหัว หูด ออกมาได้แล้วครับแต่ถ้าไม่ออกก็ให้ทำในวันถัดไปนะครับ

พอได้ธูปมาแล้ว ก็ให้จุดธูปเลยครับ รอสักพักคุณจะสักเกตได้
ว่าจะมีขี้เถ้าเกิดที่ปลายของธูปใช่ไหมครับ

ให้คุณค่อย เคาะ ขี้เถ้าของธูปให้ตกลงไปตรงหัวของ หูด แล้ว
ปล่อยทิ้งไว้ คุณสังเกตได้ในนาทีแรกเลยว่า ความร้อนจากขี้เถ้าของธูป
จะค่อย ๆ แผ่ลงไปยังด้านที่เป็นรากของ หูด สักพักพอขี้เถ้าของธูปเย็น
ตัวลง คุณก็เคาะขี้เถ้าของธูปใส่ลงไปที่หัวของ หูด อีก ต้องใช้ความ
อดทนนิดหน่อยนะครับ เพราะความร้อนจากขี้เถ้าของธูป จะค่อย ๆ
แผ่ลงไปยังรากที่ผังอยู่ในเนื้อครับ

ขอแนะนำว่าควรให้ขี้เถ้าของธูปยาวประมาณ 1 ซม.นะครับ
จะได้คลุมได้ทั่วหัว หูด ให้ทำไปเรื่อย ๆ นะครับไม่เป็นอันตรายครับ
เพราะผมทำมากับตัวเอง ไม่ต้องผ่าตัด หูด รักษาง่ายครับ

พอคุณทำไปเรื่อยตามวิธีข้างต้น คุณจะสังเกตไดว่า หูด เริ่ม
ที่จะสุกแล้ว เพราะความร้อนของขี้เถ้าจากธูป ได้ทำให้ตั้งหัว หูด ที่อยู่
ด้านบนและรากของ หูด ค่อย ๆ สุกจากความร้อนที่ได้จากขี้เถ้าของธูป
แต่จะสุกเฉพาะส่วนที่เป็น หูด เท่านั้นครับ

กะพอธูปหมดดอกหัว หูด ก็จะสุกได้ทีพอดีแต่กินไม่ได้นะครับ
คราวนี้ก็ถึงขั้นตอนที่สำคัญครับก็คือการนำเอาหัว หูด ออกครับ
ให้คุณใช้ก้านของธูปนั่นแหละครับ สะกิดตรงหัว หูด ค่อย ๆ นะครับ
เพื่อดูว่าหัว หูด สุกได้ที่หรือยัง

ถ้าหัว หูด สุกได้ที่พอเราใช้ก้านของธูป เขี่ย เพียงเบา ๆ
หัวของ หูด ก็จะหลุดออกมาทันทีคราวนี้ออกมาพร้อมราก หูด เลย
ครับ คุณจะเห็นว่ารากของ หูด ยาวนะครับ และจะได้แผลที่ลึกครับ
การรักษาแผลก็รักษาแบบแผลสดทั่วไปครับเพราะเนื้อของเราไม่ได้ทำ
ให้สุกเหมือนหัวของ หูด ก็เพราะความร้อนที่แผ่เข้าไปจะไปตามส่วน
ที่เป็นหัว หูด เท่านั้น จึงทำให้บริเวณโดยรอบของเนื้อยังสดอยู่ครับ

ถ้าในรายที่เป็นเยอะและหัว หูด มีขนาดที่ใหญ่ก็ต้องทำซ้ำ
นะครับ แต่รับรองไม่เกิน 3 ครั้งครับเห็นผล แต่ต้องทำวันละครั้งนะครับ

วิธีโบราณ แต่รับประกันครับ และยังประหยัดไม่ต้องไปรบกวน
มีผ่าตัดครับ ให้เสียเงินโดยใช่เหตุครับ
แล้วพบกันใหม่นะครับสวัสดีครับ และขอให้หายเร็ว ๆ นะครับ

อ่านเพิ่มเติมเรื่องหูดคลิก

วันจันทร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2551

วัยรุ่นกับหนัง x

วัยรุ่นกับหนัง x
หนัง x เป็นอะไรที่ผู้ปกครองทุกคนกำลังเจอกับปัญหาใหญ่
หนัง x ในปัจจุบันได้แพร่กระจายสู่กลุ่มวัยรุ่นอย่างรวดเร็ว ทำให้
พ่อแม่ที่มีบุตรหลานอยู่ในช่วงวัยรุ่นเป็นกังวลต่อบุตรหลานของตัว
เองมาก เพราะหนัง x เป็นสิ่งที่หาดูได้ง่ายมาก ยิ่งการใช้ internet
ที่ง่ายและไม่มีมาตรการป้องกันทั้งจากส่วนภาครัฐและเอกชน
ทำให้ธุรกิจ หนัง x เป็นสิ่งที่อยู่ใกล้กับบุตรหลานมากขึ้นทุกที
หนัง x กับวัยรุ่น ถ้าให้วัยรุ่นเสพหนัง x มากๆ จะทำพฤติกรรม
เปลี่ยนไป หนัง x ทำให้วัยรุ่นก้าวร้าวและคึกคะนอง หนัง x ยัง
มีผลทำให้การเรียนตกต่ำ หนัง x จะยิ่งส่งผลกระทบโดยตรงกับ
ตัวของเด็กเอง หนัง x ทำให้เด็กสาวเสียตัวมากขึ้น หนัง x ยังทำ
ให้เด็กวัยรุ่นชายอยากลองมากขึ้นและอาจก่อปัญหาให้กับสังคม
หนัง x กับทางแก้ปัญหาต้องร่วมกันตั้งแต่ตอนนี้ก่อนที่เรา
จะสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไป หนัง x นับวันจะเป็นภัยที่ทุกคน
อาจนึกไปไม่ถึงเนื่องเพราะ หนัง x จะมีอิทธิพลต่อความคิดของ
เด็กวัยรุ่นในด้านก้าวร้าวมากขึ้น
หนัง x กับวัยรุ่นและการแก้ปัญหาคือต้องแก้กันจริง ๆ ไม่ใช่
มัวโทษกันไปมาวิธีเช่น
1. ตัวเด็กวัยรุ่นเองเป็นส่วนสำคัญที่สุดในปัญหา หนัง x ไม่
เพียงมีผลต่อตัวเด็กวัยรุ่นเองแต่ส่งผลไปถึงคนรอบข้าง พ่อ แม่ และ
ครู ต้องช่วยกันหากิจกรรมให้เด็กได้ทำเพื่อให้ห่างไกลจาก หนัง x
2. ตัวพ่อ แม่ ต้องค่อยดูแลเด็กวัยรุ่นให้ห่างไกลสื่อหนังx
ด้วยการที่พยายามเข้าใจในปัญหาของเด็กวันรุ่นในการปกครอง
พูดคุย เป็นเพื่อนเที่ยว อย่าคอยจับผิดในทุกเรื่อง ให้เวลาในการฟัง
ปัญหาของเด็กไม่ว่าจะมีสาระหรือไม่มีก็ตามเพราะเด็กในวัยรุ่น
ทุกอย่างที่เล่าให้ฟัง มีความสำคัญกับตัวเด็กเองทั้งสิ้น เพื่อให้เด็ก
ค่อยห่างจากหนัง x หรือสื่อลามากอนาจารอื่น ๆ
3. ครู อาจารย์ ควรให้คำแนะนำด้วยถ้อยคำของการให้คำปรึกษา
ถึงผลของการดูหนัง x ในแง่ของการศึกษา จัดนิทรรศการเชิงวิชาการ
เกี่ยวกับโทษของสื่อหนัง x ด้วยการมีส่วนร่วมกับผู้ปกครองของเด็ก
4. กระทรวงศึกษา ควรมีหลักสูตรที่ดีกว่านี้ ในการสอนให้เด็ก
ได้รู้โทษของสื่อลามกต่าง ๆเช่นหนัง x เป็นว่าจะเป็นแบบเรียน วีดีทัศน์
จัดอบรมให้ความรู้กับบุคลากรเพื่อไปให้ความรู้กับเด็กวัยรุ่นตามสถาน
ศึกษาต่าง ๆ
5.กระทรวงไอซีที ควรเข้ามีบทบาทให้มากขึ้น จัดการสื่อประเภท
หนัง x ให้เข้มกว่านี้ จะบล็อก หรือจะลบก็ให้รีบดำเนินการให้ถี่กว่านี้
6. หนัง x หาซื้อง่ายมาก มีหนังx ขายแทบจะทุกพื้น ไม่เว้น
แม้แต่ในตลาดนัด ยังหาซื้อ หนัง x ได้เลย แหล่งที่มีการซื้อขาย
มีคนรู้แต่ไม่มีการจัดการกับหนัง x ได้ ถ้าหนัง x หาซื้อยาก เข้าไป
ดูตาม internet ยาก อย่างน้อยก็พอจะช่วยเด็กวัยรุ่นได้มาก
มากช่วยกันเถอะอย่างน้อยก็ได้ชื่อว่าเราได้ทำอะไรให้กับ
เด็กวัยรุ่นที่เป็นลูกหลานของเราได้บ้าง พ่อ แม่ ก็ช่วยกันเอาใจใส่
ในตัวเด็กให้มากขึ้น คุณครู อาจารย์ ก็เพิ่มกิจกรรมเพื่อให้ความรู้
ความเข้าใจกับเด็กให้มาก กระทรวงที่เกี่ยวข้องก็ให้เต็มที่ในการ
แก้ปัญหา ที่สำคัญของให้เด็กวัยรุ่นได้เหลียวมาดู พ่อ แม่ บ้าง
ว่าตอนนี้ท่านมีปัญหามากพอแล้วและเราจะนำปัญหามาให้กับ
พ่อ แม่ กับคนรอบข้างอีกทำไม
อนาคต กับหนัง x มันไปกันไม่ได้ อย่าโกรธใครคนหนึ่ง
แล้วประชดด้วยการเอาตัวไปเป็นประกัน มันไม่คุ้มกับเวลา
ที่เราเสียไป ดูได้แต่ให้มีสติ ถ้าไม่ไปข้องแวะกับหนัง x ได้
ก็จะยิ่งดีกับตัวเรา ไม่ว่าอะไรเราทำ เราได้
แล้วพบกันใหม่ จากผู้ที่ปรารถนาดี

เทคโนโลยีกับโลกยุคดิจิตอล

Signup to AlertPay today

เปิดบัญชีออนไลน์เพียงแค่ใช้ email ก็สามารถเปิดใช้ AlertPay ได้แล้วครับ ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย