Custom Search

วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ภูมิแพ้,แพ้อากาศ,วิธีบรรเทาอาการภูมิแพ้


****เคยเขียนเรื่องอาการภูมิแพ้ลงมาแล้วครับ ช่วงนี้อาการภูมิแพ้
ผมดีขึ้นแล้วครับ ภูมิแพ้เป็นความทรมานมากครับเวลานอน ก็ทรมาน
เพราะอาการภูมิแพ้ จะเกิดตลอดโดยเฉพาะ เช้า และ ก่อนนอน
ช่วงที่ผมเป็นก่อนจะไปหาหมอเพราะไปแล้วได้ยามาแบบเดิมก็เลยไม่
อยากไปครับ พออาการภูมิแพ้เริ่มแย่ลงอีกแบบว่าทนทรมานไม่ไหวก็
เลยต้องไปหาหมออีก
****อาการภูมิแพ้ ที่เป็นก็เป็นมานานมากครับ แต่พอไปหาหมอคราวนี้
ได้ยามาใหม่ครับ (ดูวิธีแก้อาการภูมิแพ้ที่คลังบทความเก่านะครับ)
คราวนี้หมอให้ยาตัวใหม่มาครับ มี
**1.ยากินหลังอาหาร รู้สึกว่าจะให้มา 3 ตัวครับ
--ยาแก้อาการภูมิแพ้
--ยาแก้อาการคัดจมูก
--ยาลดน้ำมูก
**2.ยาพ่นจมูกครับ พ่นทุกเช้าเพื่อแก้อาการภูมิแพ้ คือพ่นเพื่อน้ำมูก
ที่อยู่ลึกเข้าไปในโพรงจมูก ที่เราไม่สามารถ สั่งออกมาได้ ตัวยาที่ใช้
พ่นภูมิแพ้ จะทำให้น้ำมูกที่เหนียว และอยู่ลึกอ่อนตัวและไหลออกมา
ครับ แต่ภายใน 15 นาที ห้ามสั่งน้ำมูกนะครับต้องทนหน่อย เพราะ
ถ้าเราสั่งน้ำมูก ก็จะทำให้ยาออกมาด้วยครับ รอจนกว่าจะครบนะครับ
ของผมนี่ต้องรอแบบรำคาญมากกว่าทรมานครับ คือตัวยาจะขับน้ำมูก
ออกมาเองครับ เมื่อเราคิดว่าครบเวลาแล้วก็ให้สั่งน้ำมูกได้เลยครับ
แต่ควรสั่งน้ำมูกพร้อมกันทั้งสองข้างนะครับ ***และที่สำคัญห้ามสั่ง
น้ำมูกแรง ๆ เป็นอันขาดนะครับเพราะเป็นอันตรายต่อแก้วหูครับ
***3.น้ำเกลือสำหรับล้างจมูกครับ โดยหมอจะให้มาตามอาการ
ของภูมิแพ้ ครับว่าเป็นมากน้อยแค่ไหน พร้อมสลิงค์ฉีดครับ ควร
ล้างทุกวันครับ ช่วงตอนเย็น(ของผมนะครับเพราะหมอสั่ง) โดยฉีด
เข้าทีละข้าง กลั้นลมหายใจและฉีดเข้าไปครับให้ออกมาทางปากเลย
นะครับ ถ้ายังมีอยู่ก็ฉีดได้อีกครับ จนกว่าเราจะโล่ง
****อันนี้เป็นสิ่งที่ผมทำแล้วทำให้นอนหลับสบาย ก็คือ ภูมิแพ้
ที่เราเป็นถึงแม้จะได้ยาแก้อาการภูมิแพ้ มาแล้วแต่ก็ต้องใช้เวลา
บ้างครับ ถ้าอาการยังมีอยู่คือมีน้ำมูกมากและเจ็บจมูก ก็ให้ทำ
ตามนี้ก่อนนะครับ
---ให้เราใช้ผ้าที่ใช้ปิดจมูกมาใส่ไว้นะครับ เอาแบบที่เราหายใจ
ได้สะดวกนะครับ เพราะกันฝุ่น หรือ ความเย็นของอาการ
และพวกเกสรดอกไม้(สำหรับคนที่แพ้) แล้วนอนไปเลยหรือ
จะดูหนังก็ตามใจครับ **ขอย้ำว่าต้องโปร่งนะครับเดี๋ยวนอน
ไปแล้วหายใจไม่ออกตายกันพอดี
---หลักเลี่ยงอาหารประเภท กะทิ ครับ ของมัน น้ำเย็นหรือ
ของเย็น นำที่นอนไปตากแดดบ่อย ๆ ตีให้ฝุ่นออกบ้าง นะครับ
---ให้ทานน้ำอุ่น ๆ แทน คือดื่มให้เป็นนิสัยยิ่งดีครับ ภูมิแพ้
เราสามารถทำให้อาการทุเลาได้ครับถ้าเราทำตามที่หมอ
แนะนำ
**** แล้วจะนำสิ่งดี ๆมาให้อ่านกันใหม่นะครับสวัสดี

เว็นที่เหมือน hi5 แต่สนุกกว่าและทำเงินได้ง่ายกว่า
***เว็บ yuwie เว็บที่ทำเงินง่าย มีเพื่อนที่เราเลือกได้
มีบล็อกให้แสดงความคิดเห็นได้แบบไม่จำกัด ทำงานทุกอย่าง
เหมือนมีเว็บส่วนตัว ที่สำคัญ ฟรี ทุกอย่างครับ สนใจ
สามารถอ่านรายละเอียดได้ คลิก หรือถ้าสนใจสมัคร
ก็คลิกที่ Link นี้ หรือ Link ด้านบนก็ได้ครับ มาเป็นเพื่อนกัน
และแบ่งปันรายได้ให้กันนะครับ
http://ww6.yuwie.com/profile/?id=811279
***ถ้าเพื่อนสมาชิกอย่างลองว่าเป็นอย่างไรก็สมัครได้เลย
นะครับ มาเป็นเพื่อนกันและมาแนะนำสิ่งต่าง ๆ ที่เราอย่าง
นำเสนอ web yuwie เป็นเว็บบล็อกที่สามารถนำเสนอ
ขาย แนะนำ แปะLink และการชักชวนสมัครทำงานรวม
ถึงแสดง banner โฆษณาที่เราต้องให้เพื่อน ๆ ได้เห็น
โดยไม่จำกัดครับ สร้างงาน ทำเงิน และได้เพื่อน มีให้พร้อม
ครับกับเว็บ yuwie สมัครคลิกได้เลย หรือ อ่านรายละเอียดคลิก




ข่าวเอส เอ็ม อี


เรื่องลึกลับ


แชร์รูม

Get your own Chat Box! Go Large!

วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2552

การรักษาสุขภาพ,สิว ที่หลัง

****ส่งมาจากทางบ้านนะครับ ลงให้แบบไม่ตัดต่อเลยครับ
มีอะไรก็ส่งมาให้อีกนะครับ ขอบคุณครับ


โอ๊ย!!เป็นสิวที่หลังอีกแล้ว ไม่หายซักที เม็ดก็ใหญ้ ใหญ่
แถมความ เจ็บ เจ็บ คัน คัน มาให้อีกด้วย
โชว์แผ่นหลังไม่ได้เลยเรา!!++
คุณเคยเป็นแบบนี้หรือเปล่า หรือว่ากำลังเป็นอยู่คะ

คนที่เป็น สิวที่หลัง แตกต่างกับคนที่เป็นสิวที่ใบหน้า
สิวที่หลัง มีความรุนแรงมากกว่า กินบริเวณกว้างกว่า
และเจ็บปวดมากกว่า
เพราะผิวแผ่นหลังมีความหนา และรูขุมขนใหญ่
มีต่อมไขมันมาก มีแบคทีเรียมากกว่า
โอกาสที่จะเกิด สิวที่หลัง จึงมีมาก
---------------------------------------------------
มีคนเคยถามว่าทำไม สิวที่หลัง มักจะเป็น ๆ หาย ๆ
และมีรอยแผลเป็น จุดด่างดำก็เยอะ หายช้าด้วย
**อาจเป็นเพราะเวลาทายาแก้สิวที่หลัง อาจทาได้ไม่ทั่วถึง
(ต้องให้คนใกล้ ๆ มาช่วยทา) แผ่นหลังมันกว้างนะ
และที่แผ่นหลังของเรามีการไหลเวียนของเลือดน้อยกว่า
บนใบหน้า การไหลเวียนของออกซิเจนไม่ดีพอ
เกิดการติดเชื้อได้ง่าย จึงทำให้เกิด สิวที่หลัง ขึ้นง่าย
---------------------------------------------------
**และเนื่องจาก สิวที่หลัง ถูกปกปิดด้วยเสื้อผ้า
และเกิดจากการเสียดสี ความสกปรกของเสื้อผ้า หรือเวลา
ซักผ้าแล้วยังเหลือคราบของสารซักฟอก ตกค้างอยู่ที่เสื้อผ้า
ทำให้มีโอกาสเกิด สิวที่หลัง ได้มากขึ้นเช่นกัน
**การใส่เสื้อผ้าที่ไม่สะอาด และทำความสะอาดร่างกาย
ไม่ทั่วถึง โดยเฉพาะที่แผ่นหลัง ก็ทำให้เกิด สิวที่หลัง ขึ้นง่าย ๆ
---------------------------------------------------
**การขัดถูร่างกาย หรือตามแผ่นหลังรุนแรงมากเกินไป
ก็อาจทำให้ สิวที่หลัง กลายเป็นสิวอักเสบได้
---------------------------------------------------
ก่อนที่เราจะไปรักษา สิวที่หลัง ก็ควรสังเกตก่อนว่า
ที่เราเป็นสิวที่หลังนั้นเกิดจากสาเหตุอะไร จะได้รักษาให้ถูก
เพราะถ้าไม่รู้สาเหตุว่าเกิดจากอะไร แล้วไปหายาตัวโน้น
ตัวนี้ มาทา แทนที่จะหาย อาจจะลุกลามไปใหญ่
เพราะปัจจุบันมีตัวยาหลายชนิดที่โฆษณาสรรพคุณว่ารักษา
สิวที่หลัง ได้หาย
---------------------------------------------------
การรักษาเพื่อไม่ให้เกิด สิวที่หลัง ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์
ที่ใช้สำหรับรักษา สิวที่หลัง โดยเฉพาะ
---------------------------------------------------
**ให้รักษาความสะอาด อาบน้ำวันละ 2 ครั้ง (ถ้าเหงื่อ
ออกมาก และรู้สึกเหนียวตัว สกปรก ก็อาบน้ำอีกก็ได้
เพราะถ้าปล่อยไว้ เกิดการหมักหมมก็เกิด สิวที่หลัง ได้ง่าย
---------------------------------------------------
**ระหว่างที่เป็น สิวที่หลัง ควรงดทาเครื่องสำอางดีกว่า
เพราะอาจจะเกิดการระคายเคือง ยิ่งใช้ยิ่งหมักหมมเชื้อโรค
อาจทำให้เกิด สิวที่หลัง มากขึ้นกว่าเดิม
---------------------------------------------------
คนที่เป็น สิวที่หลัง แบบเยอะมากและอักเสบ ควรจะ
ไปหาหมอโรคผิวหนังดีกว่า (อย่าปล่อยไว้หรือซื้อยาทาเอง)
**แต่ถ้าเป็น สิวที่หลัง ไม่เยอะมากนักและไม่อักเสบ
ก็อาจใช้ตัวยาที่ใช้สำหรับแผ่นหลังโดยเฉพาะมาทา
++และที่สำคัญอย่าแคะ แกะ เกา โดยเด็ดขาด
---------------------------------------------------
แล้วแผ่นหลังของคุณจะไร้สิว รอยแผลเป็น จุดด่างดำ
สามารถโชว์แผ่นหลังได้แล้วเรา เย้!!!

***แล้วพบกันใหม่ในบทความต่อไปค่ะ สบายดีค่ะ***

ข่าวเอส เอ็ม อี


เรื่องลึกลับ


แชร์รูม

Get your own Chat Box! Go Large!

วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

คุมกำเนิด,การคุมกำเนิด,วิธีคุมกำเนิด

***ผู้อ่านส่งมานะครับเป็นผมก็ไม่รู้เรื่องแน่ ๆครับ
ก็ดูวิธีที่ผู้อ่านส่งมานะครับแล้วก็พิจารณาว่าจะใช้
วิธีนี้จะดีกับตัวหรือเปล่า หรือบ้างท่านอาจยังตัดสิน
ใจไม่ได้ก็ลองดูนะครับ
**การคุมกำเนิดที่รู้มาก็มีหลายวิธีค่ะแต่เราเลือกที่
จะใช้วิธีการคุมกำเนิดแบบ “ยาฝังคุมกำเนิด”
ก็เป็นการคุมกำเนิดโดยใช้หลอดยาบรรจุฮอร์โมน
ที่เรียกว่า โปรเจสโดเจนสังเคราะห์จะมีอยู่ 2 หลอด
ค่ะ หลอดแรกใช้เวลาในการฝังประมาณ 10-15
นาทีแต่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรถ์ได้
ถึง 5 ปี
****ถ้าจะว่าเป็นผลดีไหมก็คิดว่าดีนะคะ เพราะถือว่า
มีประสิทธิภาพในการป้องกันสูง อีกอย่างสะดวกมาก
เพราะฝังครั้งเดียวอยู่ได้นานถึง 5 ปี ต้องดูว่าคุณต้อง
การเวลาขนาดนี้หรือเปล่า ด้วยนะคะ คิดให้ดีก่อนทำคะ
เท่าที่ทำมายังไม่มีผลข้างเคียงนะคะ
****ถ้าต้องการใช้ยาฝังประเภทนี้ก็ปรึกษาหมอได้ค่ะ
แต่เราต้องแน่ใจว่าเราต้องการทิ้งระยะเวลาในการ
ตั้งประมาณ 5 ปี ด้วย ถ้าคนที่ยังไม่พร้อมก็
จะได้หายห่วงไม่ต้องมาพะวงและไม่ต้องเสียเวลา
ในการไปหาหมอบ่อย
****ข้อห้ามเท่าที่รู้มาตามเอกสารที่ได้มานะคะก็จะเป็น
ข้อห้ามที่ต้องเช็ดว่าเราเป็นอยู่หรือเปล่าเช่น
1.ต้องไม่เป็นมะเร็งที่อวัยวะสืบพันธุ์ และที่เต้านมค่ะ
2.มีความผิดปรกติของการทำงานของตับ
3.ตั้งครรถ์หรือสงสัยว่าตั้งครรถ์
4.มีเลือดออกผิดปรกติทางช่องคลอด
5.มีความผิดปรกติของการแข็งตัวของเลือด
จำได้แค่นี้คะ ถ้ายังไงปรึกษาหมอดูดีกว่าเพื่อให้แน่ใจจะ
ได้ไม่เป็นอันตรายกับตัวเรานะคะ
***เมื่อฝังยาคุมแล้วต้องงดการร่วมเพศเป็นเวลาประมาณ
7 วัน หรือถ้าต้องการร่วมเพศต้องใช้ถุงยางอนามัยก่อน
ประมาณ 7 วัน และต้องไปพบแพทย์ตามนัดนะคะ
*****เมื่อฝังยามาแล้วอย่าให้ถูกน้ำระยะหนึ่ง อย่าออกกำลังกาย
หนัก ๆ นะคะ ตรงที่ฝังยาอาจบวมหรือมีจ้ำเลือดก็ไม่ต้อง
ตกใจค่ะจะหายไปเองใน 1-2 วัน นอกนั้นก็ไปพบแพทย์
คะ
****ขอบคุณครับสำหรับการส่งเรื่องมาลงครับ
ถ้ามีเรื่องดี ๆ ก็จะนำมาแนะนำกันอีกครับ

****ช่วงนี้ผมเปิด clubs ไว้สำหรับผู้ที่สนใจจะเป็น
สมาชิกครับมีอะไรจะแนะนำกันได้เลยเพราะติดต่อได้
ตลอดเวลาครับถามได้ทุกเรื่องครับถ้ารู้ก็จะตอบ
ถ้าไม่รู้ก็จะไปถามผู้รู้แล้วมาตอบให้ได้ครับสมัครกัน
มาได้นะครับ คลิกที่นี่ี่
เข้ามาแล้วก็ sing in นะครับอยู่ข้างบนครับต่อไปมี
อะไรจะได้คุยกันได้เลยครับ แล้วจะแนะนำเว็บ
นี้ให้รู้จักกันต่อไปครับ
****สวัสดีครับแล้วพบกันใหม่

วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2552

การรักษาสุขภาพเืรื่องเกี่ยวกับกลิ่นเท้า

กลิ่นเท้า , เท้าเหม็น , กลิ่นไม่พึงประสงค์

***คนเราเกิดมามีอวัยวะ มีมือ มีเท้า ครบ 32 สมบูรณ์ทุกอย่าง
ก็ถือว่า เป็นคนโชคดีที่สุดในโลกแล้ว
เท้า เป็นอวัยวะที่สำคัญมาก มาก ของคนเรา ถ้าขาดเท้า
ก็ขาดรองเท้า ไม่ได้กวน...นะคะ
แค่เกริ่นจะเข้าเรื่อง เท้า เท่านั้นเอง

.........ในบทความนี้จะนำเรื่อง เท้า มาคุยให้ฟังกันค่ะ และ
คิดว่า ส่วนใหญ่ต้องมีปัญหาเกี่ยวกับ เท้า ไม่มากก็น้อย
และยังคงแก้กันไม่ตก ใครยังแก้ไม่ได้ ยกมือขึ้น!
..........เรื่อง เท้า ที่พูดถึงก็คือ กลิ่นเท้า หรือ เท้าเหม็น หรือ
มีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ นั่นเองค่ะ
ใคร ๆ ที่กำลังเกิดปัญหาเรื่อง กลิ่นเท้า หรือ เท้าเหม็น
ไม่ต้องกังวลนะคะ ดิฉันมีทางแก้ให้ค่ะ ง่าย ๆ ด้วย
...........ก่อนอื่นไปดูสาเหตุที่ทำให้เกิด กลิ่นเท้า หรือ เท้าเหม็น
หรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ กันก่อนดีกว่าค่ะ

...........สาเหตุที่ 1 คือเรื่องของความสะอาด
ในแต่ละวันเราใช้เท้ากันตลอดเวลา ใช้เดิน.. ใช้ยัน.. ฯลฯ
ใช้เท้ากันมาตลอดทั้งวัน เหยียบเชื้อโรคกันมาทั้งวัน
แต่เวลาอาบน้ำอาจจะทำความสะอาดไม่ทั่วถึง
ก็แค่ฟอกสบู่เฉย ๆ
ทำให้เท้าไม่ได้ทำความสะอาดเชื้อโรคออกให้หมด
เชื้อโรค กลิ่นอับ ตามซอกเล็บ หากหมักหมมอยู่หลายวัน
ทำให้เกิดกลิ่นเท้า หรือ เท้าเหม็น หรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ค่ะ
...........สาเหตุที่ 2 มาจากการใส่รองเท้าหุ้มอยู่ทั้งวัน
รองเท้าที่เราใส่เป็นแบบหุ้มหมด ก็มีโอกาสทำให้เกิดกลิ่นเท้า
หรือ เท้าเหม็น ได้มากขึ้น
เพราะถ้าใครใส่อยู่ทั้งวัน ไม่ได้ถอดรองเท้า เท้าก็อาจจะอับ
เพราะรองเท้าหุ้มเท้าอยู่ ทำให้เกิดเหงื่อ พอเกิดเหงื่อก็เกิดการ
หมักหมมของเชื้อโรค ทำให้มี กลิ่นเท้า หรือ เท้าเหม็น ตามมา
ทางที่ดี ควรจะหารองเท้าที่ใส่แบบสบาย ๆ โปร่ง ๆ มาเปลี่ยนดูบ้าง
จะทำให้เท้าได้ออกมาพบเจออากาศโปร่ง ๆ บ้าง
...........สาเหตุที่ 3 มาจากรองเท้าที่ใส่ เป็นประเภทไหน
ถ้าเป็นรองเท้าหนัง ถ้าไม่ได้ดูแลรักษาอย่างดี แน่นอน!
เวลาคุณใส่ต้องมีกลิ่นตามมาแน่ ๆ
และยิ่งถ้ารองเท้ามีกลิ่นแล้วคุณยังต้องใส่ ยิ่งทำให้คุณมี
กลิ่นเท้า หรือ เท้าเหม็น อย่างเลี่ยงไม่ได้
เพราะฉะนั้นถ้าต้องการใส่รองเท้าหนัง คุณต้องดูแลรักษาให้ดี
เอารองเท้าออกมาตากแดด เช็ดทำความสะอาดให้บ่อย ก็ยิ่งดี

เมื่อรู้สาเหตุว่า…….
กลิ่นเท้า หรือ เท้าเหม็น หรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ มาได้ยังไง
ก็ไปดูวิธีดูแลเท้ากันดีกว่า..
..........1 ถ้า กลิ่นเท้า หรือ เท้าเหม็น มาจากเท้าของคุณเอง
เวลาอาบน้ำ ให้เอาฟองสบู่ฟอกที่เล็บ แล้วเอาตะไบเล็บ
ทำความสะอาดตามซอกเล็บทุกเล็บ..ให้ทั่ว
ใช้แปรงถัดเท้าแปรงเท้าอีกทีนึง..ทำทุกวันตอนอาบน้ำตอนเย็น
กลิ่นเท้า หรือ เท้าเหม็น หรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ ของคุณก็หาย
ไปเองล่ะค่ะ..ทำกับตัวเองมาแล้ว ..ได้ผลดี..ก็เลยบอก
.........2 ถ้าทำวิธีที่ 1 แล้วยังไม่หาย ยังมี กลิ่นเท้า หรือ เท้าเหม็น
หรือกลิ่นไม่พึงประสงค์อยู่
ก็ให้หา...สเปรย์ฉีดเท้ามาลองใช้ดูค่ะ
ฉีดสเปรย์แล้วรอให้แห้งก่อนนะคะ ค่อยใส่รองเท้า ป้องกันอีกชั้นนึง
ก็ช่วยให้คุณมั่นใจเรื่องกลิ่นเท้ามากขึ้น
.........3 แต่ถ้า กลิ่นเท้า หรือ เท้าเหม็น หรือกลิ่นไม่พึงประสงค์
ที่มาจากกลิ่นของรองเท้าที่คุณสวมใส่
ก็ต้องแก้กันที่รองเท้าล่ะค่ะ
คุณต้องดูแลรักษารองเท้าให้ดี หมั่นเช็ดทำความสะอาดให้บ่อย
เอารองเท้าตากแดดบ้าง ก็ยิ่งดี..จะได้ฆ่าเชื้อโรคไปในตัวด้วย
....เปลี่ยนมาสวมใส่รองเท้าแบบโปร่ง ๆ บ้างก็ดีนะคะ อากาศจะได้
ถ่ายเท เท้าของคุณจะได้ไม่อับ ไม่ทำให้เกิด กลิ่นเท้า หรือ เท้าเหม็น
แต่ถ้า กลิ่นเท้า หรือ เท้าเหม็น ยังไม่หาย
วิธีนี้เลยค่ะ
....หาสเปรย์สำหรับฉีดรองเท้า..มาฉีดรองเท้าก่อนสวมใส่ก็ได้ค่ะ
ป้องกันอีกเกราะนึง ช่วยลดความกังวลลงได้ด้วย

........กลิ่นเท้า หรือ เท้าเหม็น หรือกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ที่ส่งกลิ่น
มาจากเท้าอันแสนสวยของคุณ จะทำให้เสียบุคลิกและความมั่นใจ
มาก ๆ เลยใช่ไหมคะ
ขนาดตัวเราเองเวลาได้กลิ่นเท้า ก็รู้สึกเวียนหัวเองเลย........
แล้วคนอื่นจะถึงขั้นอาเจียนหรือเปล่าเนี่ย!
คิดแล้วอายจริง ๆ .... และสงสารคนได้กลิ่นเท้าของเราจัง

.......ยังไงถ้ารู้ตัวว่ามี กลิ่นเท้า หรือ เท้าเหม็น หรือกลิ่นไม่พึงประสงค์
ของเท้าคุณ ก็รีบรักษาอย่างด่วนเลยนะคะ
รู้วิธีแล้วนี่......

***แล้วพบกันใหม่ในบทความการรักษาสุขภาพค่ะ***

เรื่องลึกลับ



วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ร้อนใน

***อาการ ร้อนใน
คำว่า ร้อนใน คนรุ่นใหม่คง งง แต่รุ่นผมมันเป็น
อะไรที่น่ารำคาญมาก ๆ เนื่องจาก อาการที่เจ็บคอ
ปวดตา หรือแม้กระทั่งอาการ ปวดหัวแบบตึ๊บ ๆ
ร่างกายก็ไม่ใคร่จะสบายนัก
****สมัยนี้แม้มียากินหรือไปหาหมอได้เดี๋ยวก็หาย
แต่ถ้าเรารักษาตัวของเราเองจะไม่ดีกว่าหรือครับ
อาการร้อนใน เนี่ยะ รักษาไม่ยากครับ สาเหตุมา
จากธาตุในร่างกาย ไม่สมดุลจึงทำให้เกิดอาการ
ที่ร้อนวูบวาบ
****ช่วงตอนเป็นเด็กเรื่องเจ็บป่วยส่วนจะรักษากัน
เอง แม่ผมจะรักษาให้เสมอ และหายด้วยไม่ต้องใช้
ยา ไม่ต้องไปหาหมอ รักษาแบบง่ายๆ ด้วยอาหาร
ที่เรารับประทานกันอยู่ทุกวันนี่ล่ะครับ
****ถ้าคุณมีอาการร้อนในแล้วละก็ ขอแนะนำ
เมนูอาหารนี้เลยครับ
1.ต้มมะระครับ หรือแกงจืดมะระนี่ล่ะครับ
แม้จะขมแต่ให้ประโยชน์มากในการรักษา เพราะ
มีสรรพคุณเป็นธาตุเย็น ชดแต่น้ำก็ได้ในกรณีที่
คุณไม่ชอบเนื้อที่ขม ๆ แต่ถ้ากินเนื้อได้ก็จะยิ่งดี
รับประกัน หายภายใน 1 วัน
2.ต้มฝัก หรือ แกงจืดฝักเขียว
จะใส่หรือไม่ใส่ กระดูกหมูก็ได้ ก็รับประทาน
กันกับข้าวได้เลย แต่ควรชดน้ำให้ชุปให้มาก ๆ
หรือกินเนื้อฝักได้ด้วยยิ่งดีอร่อยแถมหายไวอีกด้วย
3.ของหวานครับ ถั่วเขียวต้ม อย่าใส่น้ำตาล
ทรายเยอะนะครับ ให้ใส่เพียงแค่ให้มีรสหวาน
หน่อยก็พอ และต้องเป็นน้ำตาลทรายแดง
ด้วยนะครับ ใส่เกลือลงไปด้วย
4.อ้นก็แน่ครับ กินมาตั้งแต่เด็กๆเลยแต่คงหา
ยากมากในสมัยนี้ พระเอกก็คือ “ฝอยทอง” ครับ
อันนี้ไม่ใช่ขนมฝอยทองนะครับ แต่เป็น
“ฝอยทอง” ที่เกาะอยู่บนยอดของต้น “เหงือกปลาหมอ”
ครับ เป็นไม้ที่ขึ้นอยู่ตามพื้นที่ชุ่มน้ำครับแถว
บ้านผมแต่ก่อนมีเยอะมาก “สมุทรปราการ” แต่ตอนนี้
ไม่เห็นแล้วครับถึงมีต้นเหงือกปลาหมอแต่ก็
หา “ฝอยทอง” ได้ยากมากเพราะโรงงาน
เยอะ ทำให้ดินที่นั่นเสียไปเยอะครับ
วิธีรับประทาน(ใช้คำซะขนลุกเลย)ก็ต้มครับ
แต่ก่อนต้มก็ต้องล้างให้สะอาดก่อนนะครับ
ต้มจนน้ำออกสีเหลือง เหมือนน้ำ “เก๊กฮวย”ก็
ทำการเติมน้ำทรายแดง(ย้ำว่าน้ำตาลทรายแดง)
แล้วชิมว่าหวานพอไหม รสชาติจะออกแบบน้ำ
เก๊กฮวย คือเหมือนกันมาก ๆ เลย กินต่างน้ำ
ครับไม่ต้องเข้าตู้เย็นนะครับ กินตอนร้อนจึง
จะดี ส่วนเส้นของฝอยทองก็นำมากินกับน้ำ
พริกได้ครับ
****ช่วงเป็นเด็กเป็นที่ไร แม่ ต้องให้ไปหามา
ทุกทีครับ หาง่ายมากออกมาหน้าปากซอยก็เจอ
เลย แต่ตอนนี้ไม่มีแล้วเห็นมีแต่ต้น
***รักแม่ให้มาก ๆ นะครับ นึกว่าแกทำอะไร
ให้เราตอนเด็ก ๆ แล้วคุณจะรักท่านมากขึ้นเยอะ
แล้วจะนำสิ่งที่ดีต่อสุขภาพมาฝากกันอีก ที่ แม่
เคยสอนไว้มีอีกมากครับ
****ขอให้มีสุขภาพดีกันถ้วนหน้านะครับ

วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2552

โรคต้อกระจก

*****ต้อกระจก
คือภาวะที่แก้วตาหรือเลนส์ลูกตาเกิดขุ่นขาวผิดปรกติไปจากธรรมดา
โดยปรกติแล้วตาจะใส มีหน้าที่ในการปรับ หรือ หัก
เหแสง จากวัตถุต่าง ให้ตกลงที่จอรับภาพหรือ
จอประสาทพอดี เมื่อมีการขุ่นของเลนส์ลูกตา
จะทำให้การมองภาพไม่ชัดเจน และสายตามัวลงเรื่อย ๆ
***สาเหตุ
๑.เป็นมาแต่กำเนิด ในกรณีที่มารดาป่วยเป็นหัดเยอรมัน
ขณะที่ตั้งครรภ์ในระยะ ๓ เดือนแรก
๒.อุบัติเหตุ ต่อลูกตา เช่น ถูกกระแทก
ถูกของมีคม เป็นต้น
๓.เลนส์แก้วตาเสื่อมลงตามอายุ หรือต้อกระจก
วัยชรา
๔.เป็นร่วมกับโรคอื่น ๆ เช่น โรคเบาหวาน หรือ
เป็นโรคทีเกิดตามหลังจาการเป็นโรคทางตา
เช่น ม่านตาอักเสบ แผลที่กระจกตาดำ
****อาการ
๑.สายตาม้วลงเรื่อย ๆมองเห็นเป็นฝ้า หมอก มัว
ขาว ๆ โดยไม่มีอาการปวดตา
๒.สายตามองเห็นดีในที่ร่ม แต่มัวลงในทีสว่าง
๓.ถ้าเป็นมากจะเห็นบริเวณรูม่านตาเป็นสีขาวคล้ายน้ำนม
****การรักษา
โรคต้อกระจก ปัจจุบันทำการรักษาได้โดยไม่ยุ่งยาก
และรวดเร็ว แพทย์จะทำการผ่าตัดเอาเลนส์แก้วตา
ที่ขุ่นออก และฝังเลนส์แก้วตาเทียม ซึ่งจัดเตรียม
ไว้เฉพาะผู้ป่วยแต่ละรายเข้าไปแทนที่ ซึ่งจะช่วยให้
การมองเห็นภายหลังการผ่าตัดใกล้เคียงธรรมซาติ
และผู้ป่วยต้องอยู่โรงพยาบาลประมาณ ๒-๓ วัน
****คำแนะนำ
๑.ต้อกระจกต้องรักษากับจักษุแพทย์โดยเฉพาะ เพราะ
ไม่มียาที่จะรักษาให้หายได้นอกจากการผ่าตัด
๒.อย่ารักษากับหมอเถื่อน เพราะหมอเถื่อนจะใช้
วิธีเขี่ยเลนส์แก้วตาที่ขุ่นให้ตกลงไปในน้ำวุ้น
หลังลูกตา ผู้ป่วยจะมองเห็นดีขึ้นทันที แต่ภายหลัง
จะเกิดต้อหิน หรือเกิดลูกตาติดเชื้อเป็นอันตราย
ถึงกับตาบอดได้
****การปฏิบัติก่อนการผ่าตัด
แพทย์จะนัดผู้ป่วยมานอนโรงพยาบาลก่อนวันผ่าตัด
๑ วัน ผู้ป่วยควรหัดคลุมโปงวันละประมาณ ๑ ชั่วโมง
เพื่อให้คุ้นเคยเพราะขณะผ่าตัดจะต้องนอนนิ่ง ๆ
มีผ้าคลุมศีรษะและให้หน้า ใช้เวลาประมาณ ๔๕
นาที ในการผ่าตัดและเตรียมการดังนี้
๑.เซ็นใบยินยอมอนุญาตให้แพทย์ทำการรักษา
๒.ในตอนเย็นก่อนการผ่าตัด ให้ทำความสะอาด ร่างกาย
สระผม โกนหนวดเครา เล็บควรตัดให้สั้นและ
ไม่ควรทาสีเล็บ
๓.ถ้ามียาที่ต้องใช้เป็นประจำต้องนำไปด้วย
๔.ไม่ควรนำของมีค่ามาโรงพยาบาล
๕.เช้าก่อนวันผ่าตัด ฝอกหน้าให้สะอาด พยาบาล
จะหยอดยาตามแพทย์สั่ง และอาจให้ตัดขนตา
ข้างที่จะทำการผ่าตัดออก
๖.ทำจิดใจให้สบาย ไม่ต้องวิตกกังวลใด ๆ
นอนหลับให้เพียงพอ
๗.ถ้ามีอาการหวัด จาม ไอ มีอาการผิดปกติใด ๆ
ควรบอกแพทย์ หรือพยาบาลก่อนการผ่าตัดเพื่อ
จะได้ทำการรักษา เพื่อไม่เกิดอันตรายขณะทำการผ่าตัด
****ข้อปฏิบัติหล้งการผ่าตัด
๑.หลังผ่าตัดวันแรกควรนอนพักผ่อนให้มาก ๆ ห้ามนอน
ตะแคงข้างที่ทำการผ่าตัด ถ้าไม่มีอาการแทรกซ้อน
สามารถลุกเดินเข้าห้องน้ำได้
๒.ตาข้างที่ผ่าตัดจะมีผ้าปิด และครอบตาเอาใว้
ห้ามแกะออก ห้ามขยี้ตา
๓.ไม่ควรก้มหน้ามากหรือสั่นศีรษะแรง ๆ จะทำกระทบ
กระเทือนตาได้
๔.หลังผ่าตัดวันแรกรับประทานอาหารได้ตามปกติและ
ควรเป็นอาหารที่เคี้ยวง่าย ไม่แข็งหรือเหนียว
๕.อาบน้ำได้ แต่บริเวณใบหน้าให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ด
เวลาแปรงฟันให้แปรงเบา ๆ ห้ามสั่นศีรษะไปด้วย
ห้ามสระผมเอง ให้นอนสระผม
๖.งดสูบบุหรี่ หรือ เคี้ยวหมาก
๗.ถ้ามีอาการท้องผูก ไม่ควรเบ่งถ่ายอุจาระ ให้รับประทาน
ผัก ผลไม้และดื่มน้ำมาก ๆ (ถ้าไม่มีข้อจำกัดเรื่องน้ำ)
****ข้อปฏิบัติเมื่อกลับบ้าน
๑.เช็ดตาวันละครั้ง ก่อนเช็ดควรล้างมือ
ให้สะอาดทุกครั้ง โดยใช้สำลีชุบน้ำต้มสุก
ที่เย็นแล้วบีบผ้าให้หมาดเช็ดจากหัวตาไป
หางตาแล้วทิ้ง ถ้ามีขี้ตาให้ใช้สำลีก้อนใหม่
๒.การหยอดตาใช้มือที่สะอาดดึงเปลือกตา
ล่างลงแล้วหยอดยาลงบริเวณขอบตาล่าง
ระวังอย่าให้ถูกตาดำเพราะจะทำให้เกิดอาการ
ระคายเคือง อักเสบได้ แล้วปิดตาที่ครอบ
ไว้เหมือนเดิม
๓.ถ้าที่ครอบตาสกปรกให้ล้างด้วยน้ำสบู่และ
น้ำสะอาด เช็ดให้แห้ง ให้ครอบตาไว้ตลอด
จนกว่าแพทย์จะอนุญาตให้เอาออกได้
ประมาณ ๔-๕ อาทิตย์
๔.ใช้ยาให้ถูกต้องตามแพทย์สั่ง ไม่ใช้ยาหยอดตา
ร่วมกับผู้อื่นและหยอดข้างที่แพทย์สั่งเท่านั้น
๕.อาบน้ำได้ตามปกติ การล้างหน้าควรใช้ผ้าเช็ด
๖.ห้ามขยี้ตา
๗.งดทำงานหน้ก
๘.พักตามาก ๆ
๙.รับประทานอาหารได้ตามปรกติ
งดเดินทางไกลในระยะ ๒ เดือนแรกและ
มาตามแพทย์นัดทุกครั้งหรือเมื่อมีอาการผิดปรกติ
***ตาเป็นสิ่งที่จำเป็นนะครับดังนั้นต้องดูแล
ให้ดีและอย่าประมาทอะไรที่เกี่ยวกับตาต้องระวัง
-----แล้วพบกันใหม่ครับ

วันอังคารที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

วิธีห่างไกลยา

****สุขภาพดีโดยไม่ต้องพึ่งยา
การรักษาสุขภาพให้ดีได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องพึ่งยาทำได้ไม่ยาก
ครับ ศาสนาพุทธได้บอกไว้ว่า “ใจเป็นประธาน” ทุกอย่างขึ้นอยู่กับใจ
ความสำคัญของการเจ็บป่วยหรือ แข็งแรง ของร่างกายนั้น ขึ้นอยู่กับ
ใจของเราทั้งสิ้น
***ทุกข์อันเกิดจากใจนั้นหายยากถ้าไม่แก้ด้วยใจ ก็เหมือนเกลือจิ่ม
เกลือ นั้นล่ะครับ เมือเกิดจากใจก็ใช้ใจรักษาอาการนั้น ๆ เช่น
**ความอยากได้ใคร่มี ก็คือการไม่รู้จักพอ เมื่อไม่รู้จักพอก็จะ
ไขว้คว้าให้ได้มา ถ้าไม่ได้ก็เกิดทุกข์ ทางแก้คือให้ปล่อยวาง
เสียบ้าง พอใจในสิ่งที่เรามี เราเป็น
**เค้าว่าถ้าป่วยไข้สามาเหตุส่วนใหญ่จะมาจาก “ใจ” จิตใจที่
เร้าร้อน ก็จะทำให้ร่างกายกระวลกระวาย ถ้าจิตใจไม่สงบ
ก็ทำให้การทำงานมีปัญหา เกิดอาการท้อแท้ ผลที่ตามมาคือ
โรคแทรกซ้อน จิตใจที่หงุดหงิดง่าย ก็จะยิ่งทำให้ร่างกายไม่ได้
พักผ่อน เพราะต้องคอยระแวงและต้องคอยจับผิดอยู่ร่ำไป
**ที่ว่าร่างเป็น รถ ใจ เป็นคนขับ นั้นเปรียบเทียบได้เห็นชัดมาก
ถ้าคนขับ (ใจ)ใจร้อน ร่างกายก็พลอยฟ้าพลอยฝนไปด้วย
ถ้าคนขับ (ใจ)ใจเย็น ร่างกายก็พลอยสบายไปด้วย
รถอยู่ได้นาน ใจก็อาศัยอยู่ได้นาน
*****ใจก้บกาย ก็เหมือนนายกับบ่าว ต่างกัน ไม่เหมือนกัน แต่ต้องอยู่
ด้วยกัน จนมองไม่ออกว่า สองสิ่งนี้ต่างกัน ถ้าร่างกายเจ็บป่วย แต่
ใจเราเข้มแข็ง ร่างกายก็จะหายจากอาการเจ็บได้เร็ว แต่ในทางตรง
กันข้าม ถ้าร่างใจเราอ่อนแอ ร่างกายยิ่งไม่ต้องพูดถึง ให้แข็งแรง
เพียงได้ ก็ยืนอยู่ได้ไม่นาน เหมือนต้นไม้ใหญ่ผุกร่อนอยู่ด้านใน
อีกไม่นานก็ต้องล้มลง
***ดังนั้น(ใจ)ก็คือยาที่มีมากับร่างกายเราแต่เกิด ใช้ให้เป็น
ดูให้เข้าใจ ฝึกให้แข็งแรง ใช้อย่างเหมาะสม ก็จะได้รับประโยชน์
อย่างที่คุณคาดไม่ถึง
****อารมณ์ร้อน ใช้ใจเป็นน้ำดับไฟในใจไปซะ
****มีความโกรธเป็นกำลัง ก็ใช้ใจเป็นลมพัดเอาความโกรธที่เผาผลาญ
อยู่ออกไป
****อยากได้ใคร่มี ก็ให้ใจเป็นตาสำรวจตัวเองว่าได้ทำอย่างเต็มแล้ว
หรือยัง ถ้ายังก็รีบทำ ถ้าอยากมีต้องหาเอา
****ความอิจฉา ฆ่าคนได้คุณว่าม๊ะ คนอิจฉา มักนอนไม่หลับ
คิดมาก สมองไม่เคยว่าง ขวางตาไปซะทุกอย่าง ถ้าอยากหาย
ก็ให้เจริญสมาธิให้มาก ๆ ปล่อยให้ทุกอย่างเหมือนกับสายลม
ที่พัดมาแล้วก็พัดไป ทำใจให้รู้ว่าเรากำลังคิดอะไร ตามให้
รู้แล้ว ตัดมันทิ้งไปซะ
****หวังว่านี่คงเป็นยารักษาที่ดีให้กับผู้ที่ยังคิดไม่ตกว่า
จะทำอย่างไรกับชีวิต จำไว้ว่า ใจ สงบ ร่างกายก็สบาย
ใจ ไม่สงบ ร่างกายก็ร้อน บ่ สบาย
***แล้วพบกันใหม่ครับสวัสดี

วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2552

สุขภาพใจ




****สุขภาพดีโดยไม่ต้องพึ่งยา
การรักษาสุขภาพให้ดีได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องพึ่งยาทำได้ไม่ยาก
ครับ ศาสนาพุทธได้บอกไว้ว่า “ใจเป็นประธาน” ทุกอย่างขึ้นอยู่กับใจ
ความสำคัญของการเจ็บป่วยหรือ แข็งแรง ของร่างกายนั้น ขึ้นอยู่กับ
ใจของเราทั้งสิ้น
***ทุกข์อันเกิดจากใจนั้นหายยากถ้าไม่แก้ด้วยใจ ก็เหมือนเกลือจิ่ม
เกลือ นั้นล่ะครับ เมือเกิดจากใจก็ใช้ใจรักษาอาการนั้น ๆ เช่น
**ความอยากได้ใคร่มี ก็คือการไม่รู้จักพอ เมื่อไม่รู้จักพอก็จะ
ไขว้คว้าให้ได้มา ถ้าไม่ได้ก็เกิดทุกข์ ทางแก้คือให้ปล่อยวาง
เสียบ้าง พอใจในสิ่งที่เรามี เราเป็น
**เค้าว่าถ้าป่วยไข้สามาเหตุส่วนใหญ่จะมาจาก “ใจ” จิตใจที่
เร้าร้อน ก็จะทำให้ร่างกายกระวลกระวาย ถ้าจิตใจไม่สงบ
ก็ทำให้การทำงานมีปัญหา เกิดอาการท้อแท้ ผลที่ตามมาคือ
โรคแทรกซ้อน จิตใจที่หงุดหงิดง่าย ก็จะยิ่งทำให้ร่างกายไม่ได้
พักผ่อน เพราะต้องคอยระแวงและต้องคอยจับผิดอยู่ร่ำไป
**ที่ว่าร่างเป็น รถ ใจ เป็นคนขับ นั้นเปรียบเทียบได้เห็นชัดมาก
ถ้าคนขับ (ใจ)ใจร้อน ร่างกายก็พลอยฟ้าพลอยฝนไปด้วย
ถ้าคนขับ (ใจ)ใจเย็น ร่างกายก็พลอยสบายไปด้วย
รถอยู่ได้นาน ใจก็อาศัยอยู่ได้นาน
*****ใจก้บกาย ก็เหมือนนายกับบ่าว ต่างกัน ไม่เหมือนกัน แต่ต้องอยู่
ด้วยกัน จนมองไม่ออกว่า สองสิ่งนี้ต่างกัน ถ้าร่างกายเจ็บป่วย แต่
ใจเราเข้มแข็ง ร่างกายก็จะหายจากอาการเจ็บได้เร็ว แต่ในทางตรง
กันข้าม ถ้าร่างใจเราอ่อนแอ ร่างกายยิ่งไม่ต้องพูดถึง ให้แข็งแรง
เพียงได้ ก็ยืนอยู่ได้ไม่นาน เหมือนต้นไม้ใหญ่ผุกร่อนอยู่ด้านใน
อีกไม่นานก็ต้องล้มลง
***ดังนั้น(ใจ)ก็คือยาที่มีมากับร่างกายเราแต่เกิด ใช้ให้เป็น
ดูให้เข้าใจ ฝึกให้แข็งแรง ใช้อย่างเหมาะสม ก็จะได้รับประโยชน์
อย่างที่คุณคาดไม่ถึง
****อารมณ์ร้อน ใช้ใจเป็นน้ำดับไฟในใจไปซะ
****มีความโกรธเป็นกำลัง ก็ใช้ใจเป็นลมพัดเอาความโกรธที่เผาผลาญ
อยู่ออกไป
****อยากได้ใคร่มี ก็ให้ใจเป็นตาสำรวจตัวเองว่าได้ทำอย่างเต็มแล้ว
หรือยัง ถ้ายังก็รีบทำ ถ้าอยากมีต้องหาเอา
****ความอิจฉา ฆ่าคนได้คุณว่าม๊ะ คนอิจฉา มักนอนไม่หลับ
คิดมาก สมองไม่เคยว่าง ขวางตาไปซะทุกอย่าง ถ้าอยากหาย
ก็ให้เจริญสมาธิให้มาก ๆ ปล่อยให้ทุกอย่างเหมือนกับสายลม
ที่พัดมาแล้วก็พัดไป ทำใจให้รู้ว่าเรากำลังคิดอะไร ตามให้
รู้แล้ว ตัดมันทิ้งไปซะ
****หวังว่านี่คงเป็นยารักษาที่ดีให้กับผู้ที่ยังคิดไม่ตกว่า
จะทำอย่างไรกับชีวิต จำไว้ว่า ใจ สงบ ร่างกายก็สบาย
ใจ ไม่สงบ ร่างกายก็ร้อน บ่ สบาย
***แล้วพบกันใหม่ครับสวัสดี

วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2552

ภูมิแพ้ กับการรักษา



****ใครที่เป็นภูมิแพ้นี่ทรมานนะครับอย่างผมเนี้ยะ
นอนกลางคืนทรมานมาก ๆ มีแต่น้ำมูลตลอดเวลาเลย
หายใจก็ลำบากต้องคอยสั่งน้ำมูล (ไม่ได้สั่งเสียนะครับ)
เวลานอนต้องนอนตะแคงข้าง
****บางวันก็มีน้ำมูลทั้งวันเลย รำคาญนะครับ
สั่งจนเจ็บจมูกเลย แรกก็เป็นไม่มากก็เลยกินแต่
ยาแก้แพ้ธรรมดา ก็ดีตอนนอนนะครับ แต่พอตอน
หัวรุ่งก็เป็นเหมือนเดิมจะกินอีกก็อันตรายครับ
****จนเมื่อวันอังคารเจ็บจมูกมากเลยก็ยังคิดว่า
ไม่เป็นไร ทีไหนได้เจ็บมากขึ้นครับทนได้แค่วันพุธ
พอเช้าวันพฤหัสต้องรีบไปหาหมอ
****ก็ได้ยามาครับตามรูปนั้นล่ะครับ ดีครับอาการ
ดีขึ้นมาก ไม่มีน้ำมูลมากเหมือนแต่ก่อนคือเริ่มมี
น้อยลง หายใจได้สะดวกขึ้น ไม่ต้องมาครืดคราด
ๆ อยู่ทั้งว้น แต่ต้องคอยดูอาการอีกที่ก็ราว ๆ อีก
6 อาทิตย์ครับ (หมอนัด) บริการดีครับตอนนี้
ที่ รพ.สิริกิต ครับ



*****อย่างยาตัวแรกในฟรอยสีเงิน
--TELFAST TABL. 60 MG ตัวนี้ทานหลังอาหาร
ครับ 1 เม็ด เช้า-เย็น หลังอาหาร
*****ตัวที่สองสีชมพูครับหวานใหม
--PREDNISOLONE TAB. 5 MG ตัวนี้ทาน
ครั้งละ 2 เม็ด เช้า-เย็น หลังอาหารทันที
*****ตัวสุดท้ายนี่เป็นยาพ่นครับใช้ง่าย
--NASACORT AQ NASAL SPRAY
ใช้พ่นจมูกทั้งสองข้าง ก่อนใช้ก็เขย่าแล้ว
กดเร็ว แรง ใช้ตอนเช้าครับ ไม่ควรใช้บ่อย
****ดังนั้นขอแนะนำว่าใครที่ยังไม่ยอมไปหา
หมอ คอยพลัดวันไปเลย ๆ ล่ะก้อ ไม่คุ้มครับ
เพราะจะทำให้เสียสุขภาพ และเวลานอนจะทรมาน
ไปตลอดร่างกายก็พลอยแย่ลงไปด้วย
*****ยาที่นำมาให้ดูก็จะได้รู้ว่า หมอเค้าจ่าย
ที่ตรงกับโรคดีกว่าไปหาซื้อตามร้านขายแล้ว
เดาเอาเองว่าเราเป็นนั่นเป็นนี่ ซื่งเป็นอันตราย
นะครับ
*****แนะนำให้ไปปรึกษาแพทย์นะครับอย่า
ไปซื้อยามากินเอง เพราะเราต้องพบพยาบาล
ก่อนจะได้กินและใช้ได้อย่างถูกวิธีตอนนี้ผมสบาย
แล้วครับเหลือแต่ไปพบหมอตามนัดอีกครั้ง
*****ขอให้โชคดีนะครับ แล้วพบกันใหม่
หายไว ๆ จำไว้นะครับ
“อโรคยา ปาลามาลาภา” ความไม่โรคเป็นลาภ
อ้นประเสริฐ
***จบแล้ว

วันเสาร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2552

มังคุด

*****ประโยชน์จากเปลือกมังคุด
**ถิ่นกำเนิดของมังคุดอยู่ในคาบสมุทรมาลายู
การนำเปลือกมังคุดปัจจุบันมีการนำไปใช้กันอย่าง
แพร่หลาย ในการรักษาแผลพุพอง และโรคผิวหนัง
ต่าง ๆ โดยการใช้น้ำที่ต้มแล้วเพื่อล้างบาดแผล
หรือ ฝน เพื่อใช้ทาแผลเพื่อทำให้แผลหายเร็ว
***เปลือกมังคุดจะประกอบด้วยสารในกลุ่ม
แมงโกสตีน (Mangostin) ซึ่งมีฤทธิ์ในการต้านเชื้อ
แบคทีเรียที่ทำให้เกิดแผล ช่วยลดการอักเสบ
มีฤทธิ์กระตุ้นให้เม็ดเลือดขาวแข็งแรง สามารถฆ่า
เชื้อแบคทีเรียที่บาดแผลได้ดีขึ้น ในเปลือกมังคุด
ยังมีสารแทนนิน ซึ่งมีฤทธิ์ฝาดสมานช่วยเร่งกระบวน
การหายของแผลได้เร็วขึ้น
*****ยาฆ่าเชื้อใส่แผลจากเปลือกมังคุด
ด้วยการพัฒนา เพื่อให้เปลือกมังคุดใช้แทนยาฆ่า
เชื้อใส่แผลจนได้รับความเข้มข้นของสารสกัด
และตำรับที่เหมาะสมโดยมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อได้
ดีเท่า ๆ กับ โพวิโดน ไอโอดีน
****นอกจากยาฆ่าเชื้อแล้วยังมีการนำไปใช้ในการ
ทำสบู่เหลวจากเปลือกมังคุดโดยปรับปรุงสูตรให้
ล้างออกง่าย ด้วยสารทำความสะอาดที่ไม่ระคายเคือง
และยังให้ กรด-ด่าง (PH) ใกล้เคียงกับผิว
***เปลือกมังคุด มีสารต้านอนุมูลอิสระจึงช่วยกระ
ชับรูขุมขน ลดความมัน ยับยั้งการเจริญเติบโต
ของแบคทีเรียบนผิวหนัง ลดการอักเสบของผิวหนัง
*****เป็นไงครับคุณประโยชน์จากมังคุด นอกจาก
จะมีรสซาติที่อร่อยแล้ว เปลือกยังมีประโยชน์อีกมาก
ต่อสุขภาพ ของเราอีกด้วย
*****แล้วพบกันใหม่นะครับ กับสาระที่เป็นประโยชน์
สวัสดีครับ

วันอังคารที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ต่อต้านความเครียด

****บทความนี้จะมาแนะนำวิธีต่อต้านความเครียดกันครับ
ถ้าพูดตามหลักการแห่งพระพุทธศาสนาก็คือ
**การทำจิตใจของเราให้สงบด้วยการทำสมาธิ หรือ
การปล่อยวางในสิ่งนั้น ๆ ที่ทำให้จิตใจเราเศร้าหมอง
ดูเหมือนง่ายนะครับแต่ยากมากสำหรับผู้ที่ติดอยู่ใน
โลกที่มีแต่ความวุ่นวายนี้
**สิ่งที่เราน่าจะลองทำดูง่ายและผมว่าถ้าเราใช้ความ
ตั้งใจจริง ๆ รับรองครับว่าเรื่องยาทิ้งไปได้เลย
สิ่งที่จะแนะนำก็คือ
**การวางเฉย ไม่ใช้การวางเฉยในทุกสิ่ง แต่ให้วางเฉย
ต่ออารมณ์ที่มากระทบ ตา ใจ หู ถ้าเราไม่พอใจในสิ่งใน
ก็ขอให้ปล่อยมันผ่านไปเหมือนลมที่พัดผ่านร่างกาย
ของเรานี้แหละครับ
อะไรที่ขัดตาก็ขอให้มองไม่เห็นเสียบ้าง หันไปมอง
ต้นไม้ใบหญ้าแทน บางครั้งการทำตาบอดบ้างก็คง
ดีไม่น้อยครับ
คนเรานี่ถ้าได้ยินอะไรที่สะกิดให้คิดว่ากำลังพูดถึงเราอยู่
หรือเปล่า ก็จะทำให้จิตใจอยู่ไม่สุขเพราะการคิดไปก่อน
ดังนั้นจึงให้คิดเสียว่าได้ยินเสียงน้ำไหลอยู่ไกล ๆ
**แต่ถ้าทำไม่ได้จริงก็คงต้องพึ่งอาหารเสริมกัน
ล่ะที่นี้ ไม่ได้ขายหรอกครับแต่หามาแนะนำให้
*****เดี๋ยวนี้อาหารบำรุงสมองออกมาเยอะครับ
เช่น จำพวก เลซิติน ที่วางขายตามท้องตลาด
โดยมาจะมีอยู่ 2 พวกใหญ่คือ
1. เลซิติน ที่มีฟอสฟาติดิลโคลีนสูง
2. เลซิติน ที่มีฟอสฟาติดิลเซอรีนสูง
***แต่ถ้าคุณต้องการอาหารที่ช่วยบำรุงสมอง
และต่อต้านความเครียดแล้วละก็คุณควรเลือก
ผลิตภ้ณฑ์ เลซิตินที่ฟอสฟาติดิลเชอรีนสูง
**กับคุณประโยชน์ที่คุณจะได้รับก็คือ
1. ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตในผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์
2. ช่วยทำให้มีสมาธิดีขึ้น
3. หยุดยั้งภาวะความจำเสื่อมในผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม
4. บำรุงและซ่อมแซมเยื่อหุ้มเชลล์ประสาท
5. มีส่วนช่วยฟื้นฟูความจำที่หายไปเนื่องจากอายุที่มากขึ้น
6. ทำให้อารมณ์ดีขึ้น
7. ทำให้สมองมีการเผาผลาญกลูโคสซึ่งเป็นพลังงาน
หลักของสมองได้เพิ่มขึ้น
8. ลดความเครียดในนักกีฬาและผู้ที่ออกกำลังกายหนัก
9. ช่วยให้สมองต่อสู้กับความเครียดได้ดีขึ้น
10.เพิ่มการผลิตอะเซติลโคลีน
ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่จำเป็นสำหรับการเรียนรู้
และความจำ
11.ช่วยฟื้นฟูและป้องกันกล้ามเนื้อบาดเจ็บหลัก
การออกกำลังกาย
12.กระตุ้นการหลั่งโดพามีน ซึ่งเป็นสาร
สื่อประสาทที่ช่วยควบคุมอารมณ์ความรู้สึกและการ
เคลื่อนไหว
***พูดถึงเรื่องความปลอดภัย
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของประเทศ
สหรัฐอเมริกาจัดได้เลซิตินที่มีฟอสฟาติดิลเซอรีนสูง
อยู่ในประเภท GRAS
ซึ่งมีความหมายว่า เมื่อพิจารณาจากงานวิจัยทาง
วิทยาศาสตร์แล้วพบว่ามีความปลอดภัยเมื่อใช้เป็น
อาหารในระยะยาว
**เอกสารอ้างอิง
Kidd PM. Phosphatidylserine.LA:Keats Publishing,1998.
Kidd PM. Phosphatidylserine;membrane nutrient for
Memory.Altern Med Rey 1996;1(2):70-84.
Phosphatidylserine. PDRhealth. Date unknown
[revised date unknown; cited 2007 May 31].
***ด้วยความหวังดีครับเพื่อสุขภาพที่ดีของ
คนที่เรารัก แต่ต้องอย่าลืมว่าไม่ว่า ยา หรือ
อาหารเสริม ทุกครั้งที่ต้องการใช้ในการรักษา
ควรปรึกษาแพทย์ก่อนก็ดีนะครับ เพื่อความ
ปลอดภัยในสุขภาพของเรา
****แล้วพบกันใหม่นะครับ

วันพฤหัสบดีที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ข้อและกระดูก

***การดูแลข้อและกระดูก
อาการดังต่อไปนี้คืออาการของโรคข้อเสื่อม
1. ข้อฝืด เช่น กำมือลำบาก
2. การเดินผิดปรกติ เช่น เดินกะเผลก
3. ข้อแข็ง เมื่ออยู่ท่าใดท่าหนึ่งนาน ๆ
4. ปวดข้อ ข้ออักเสบ หรือ ข้อโตขึ้น
5. มีเสียงกรอบแกรบในเวลาเคลื่อนไหว
6. ข้อผิดรูป เช่น ข้อเข่าโก่ง
*****โรคข้อเสื่อมเป็นปัญหาที่พบบ่อยมาก
ในผู้สูงอายุ เนื่องจากองค์ประกอบของข้อ
กระดูกเสื่อมลง ดังนั้นจึงต้องระวังป้องกัน
กันเสียแต่เมื่อยังหนุ่มสาว
**โรคข้อเสื่อมคือโรคที่มีการผุกร่อนของกระดูก
อ่อนในบริเวณผิวข้อ เวลาข้อมีการเคลื่อนไหว
กระดูกแท้จะเสียดสีกันทำให้เกิดเสียงดังและ
เจ็บปวดมักเกิดบริเวณข้อเข่า ข้อกระดูกสันหลัง
ระดับปั้นเอว ข้อปลายนิ้ว และข้อมือ
**ข้อฝืด เป็นอาการชั่วคราว ถ้าได้ขยับข้อมือสัก
2-3ครั้ง อาการก็จะดีขึ้น มักเกิดกับนิ้วมือ
**ข้อกระดูกปรกติ โดยที่ร่างกายมีกระดูก
อ่อนอยู่ที่ปลายของกระดูก 2 ท่อน ที่มาเชื่อมต่อ
กันเป็นข้อ ทำหน้าที่ลดแรงที่กระทำต่อข้อ
และทำให้ข้อเคลื่อนไหวด้วยความราบรื่น
แต่ถ้ากระดูกผิวข้อบางลงผิวจะไม่เรียบ
ทำให้เมื่อเคลื่อนไหว กระดูกอ่อนจะเสียดสีกัน
ทำให้เกิดเสียงดังกรอบแกรบ
***ข้อกระดูกที่เริ่มเสื่อมแล้ว คือกระดูกอ่อน
ที่ผิวข้อสึกมากแล้ว เวลาเคลื่อนไหวกระดูกแท้
จะเสียดสีกันทำให้เกิดอาการเจ็บปวด
*****ข้อควรปฎิบัติเพื่อลดปัญหาข้อเสื่อม
ควรหลีกเลี่ยงในการอยู่ท่าใดท่าหนึ่งนาน ๆ
ไม่ควรเดินมาก หรือขึ้นบันไดมาก และ
ควรหลีกเลี่ยงการคุกเข่า การนั่งพับเพียบก็
ควรหลีกเลี่ยง ไม่ควรปล่อยให้อ้วนมากไป
ถ้าสามารถรับประทานโปรตีนบำรุงข้อได้ก็จะดี
จำพวกคอลลาเจน ไฮโดรไลเซท เป็นประจำ
ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยสร้างสมดุลที่ดี
ให้กับข้อกระดูก
**ด้วยความห่วงใยแล้วพบกันใหม่นะครับ
จะหาการรักษาสุขภาพดี ๆ มาฝากกันบ่อย ๆ
บทความนี้ก็ขอลากันไปก่อน เด้อครับ พี่น้อง

วันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2552

โรคข้อกระดูกเสื่อม

*****โรคข้อกระดูกเสื่อม เป็นโรคที่พบมากในผู้
สูงอายุโดยมักจะทำให้เกิดอาการ ปวดเข่า บวมแดง
เข่าฝืดยึดและอาจมีเสียงดังในเข่า ทำให้ไม่สามารถ
ประกอบกิจวัตรประจำวันได้ตามปรกติ
***อาการข้อกระดูกเสื่อม มีสาเหตุหลักดังนี้
1. เสื่อมตามอายุ และการใช้ข้อเข่าที่ไม่ถูกต้อง
เมื่อครั้งหนุ่มสาว
2. การที่ผู้ป่วยมีน้ำหนักตัวมากทำให้ข้อเข่า
ต้องรับน้ำหนักมากขึ้นกว่าปรกติ
3. เคยได้รับอุบัติเหตุตรงบริเวณข้อเข่าหรือ
อาจเกิดจากการเล่นกีฬา
4. เป็นโรครูมาตอยด์หรือเคยมีอาการอักเสบติด
เชื้อ
อาการของโรคข้อกระดูกเข่าเสื่อม
1. มีอาการปวดเป็น ๆ หาย ๆ เมื่อพักการใช้เข่า
อาการก็จะดีขึ้นและจะปวดทุกครั้งที่มีการใช้
งานข้อเข่า บางรายอาจปวดตลอดเวลา
2. ข้อฝืดหรือติดขัด
3. มีเสียงดัง ในขณะเคลื่อนไหวข้อเข่า
4. ข้อเข่าผิดรูปร่างไปจากเดิม เช่นเข่า
บวมโต บางรายขาโก่งออก
*****แนวทางการรักษาข้อเข่าเสื่อม
1. หลีกเลี่ยงการนั่งพับเพียบ คุกเข่า หรือ
การนั่งขัดสมาธิและ หลีกเลี่ยงการนั่งยอง ๆ
2. บริหารกล้ามเนื้อเข่าอยู่เสมอ
3. ใช้ไม่เท้าเพื่อช่วยแบ่งเบาแรงกระแทกที่
กระทำต่อเข่า
4. ไม่ควรขึ้นลงบันไดบ่อย ๆ โดยไม่จำเป็นถ้า
ให้ดีควรงดเว้นไปเลย
5. ใช้กระเป๋าน้ำร้อนประคบเพื่อลดอาการปวด
ข้อและอาการกล้ามเนื้อเกร็ง
6. ใช้สนับเข่าเพื่อช่วยให้ข้อเข่ากระชับลดอาการปวด
แต่ไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานควรออกกำลัง
กายบริหารข้อเข่าคู่กันไปด้วย
*****การใช้ข้อเข่าอย่างถูกวิธี เช่น
1. เลี่ยงการนั่งพื้น
2. การใช้ส้วมเพื่อการขับถ่ายควรใช้ส้วมแบบ
ซักโครก
3. การซักผ้า ควรนั่งซักบนม้าเตี้ย ๆและเหยียด
เข่าทั้งสองข้างถ้าใช้เครื่องซักผ้าได้จะยิ่งดี
4. หลีกเลี่ยงการถูบ้านหรือทำความสะอาด
ห้องน้ำให้ใช้ไม้ถูพื้นแทน
*****การออกกำลังกายในผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อม
โดยการเดินหรือการขี่จักรยานโดยปรับอาน
ให้ สูงกว่าเดิมเล็กน้อย ไม่ควรวิ่ง กระโดด
หรือบิดงอเข่ามาก ๆ
****ที่แสดงมาในบทความนี้ก็พอเป็นแนวทาง
พอสังเขปนะครับ ถ้าจะให้ดีควรปรึกษาแพทย์
ที่เชี่ยวชาญเฉพาะทางนะครับ
***แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้านะครับ
ขอให้มีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรงนะครับ
สวัสดีครับ

วันอังคารที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2552

วิตามิน อี

*****วิตามิน อี กับสารอนุมูลอิสระ
วิตามิน อี สามารถพบได้ทั้งจากไขมันจากพืช เมล็ดถั่ว
ธัญพืชต่าง ๆ น้ำมันข้าวโพด ผักใบเขียว น้ำมันจากดอก
ทานตะวัน ถั่วเหลือง
***หรือจากไขมันสัตว์ ได้แก่ จากน้ำนมคน น้ำนมวัว
เนื้อสัตว์ ตับ ไข่ หรือในน้ำมันตับปลา
สารวิตามิน อี ที่มีอยู่ในธรรมซาติ จะอยู่ในรูปแบบที่เรียกว่า
“Mixed tocopherols” ซึ่งประกอบด้วยทั้ง
cl-alpha tocopherol,cl-beta tocopherol,
cl-gamma tocopherol,โดย Mixed tocopherols
จะเป็นส่วนผสมที่กลมกลืนอยู่ในธรรมซาติ ซึ่ง
Tocoherol แต่ละชนิดจะช่วยกำจัดอนุมูลอิสระ
ที่ต่างชนิดกัน เสริมการทำงานซึ่งกันและกันทำให้ได้
ชื่อว่า Mixed tocopherols ซึ่งเป็นวิตามิน
ที่มีคุณค่าต่อร่างกายคนเรา รวมถึงการดูดซึม
และการนำไปใช้งานโดยร่างกาย
*****วิตามิน ที่ควรจัดเป็นตัวแรกที่จำเป็นต่อร่างกาย
คือ วิตามิน อี จากรายการทางการแพทย์จำนวนมาก
ได้ยืนยันถึงประโยชน์ของวิตามิน อี ว่าสามารถใช้เพื่อ
ปกกันร่างกายจากความเสื่อมต่าง ๆ เช่น
โรคพาร์กินสัน โรคอัลไซเมอร์ ใช้เพื่อบำรุงระบบหัวใจ
และหลอดเลือด บำรุงผิวพรรณ เป็นต้น
****ถ้าร่างกายรับวิตามิน อี ไม่เพียงพอจะทำให้ร่างกาย
มีอนุมูลอิสระส่วนเกินที่ร่างกายไม่ต้องการและไม่สามารถ
กำจัดได้หมด และมีความเสี่ยงที่เซลล์ในร่างกายจะถูกทำลาย
จากอนุมูลอิสระได้
*****วิตามิน อี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพมาก
และเป็นวิตามินที่ละลายในไขมันที่ร่างกายผลิตเองไม่ได้ จึง
ต้องได้จากการรับประทานอาหารเท่านั้น
*****วิตามิน อี จะช่วยป้องกันเซลล์ต่าง ๆ ไม่ให้ถูกทำลาย
จากอนุมูลอิสระเมื่อมีการเผาผลาญเกิดขึ้นในร่างกาย
โดยอนุมูลอิสระจะทำให้เกิดความเสียหายแก่เซลล์ของ
ระบบหัวใจ หลอดเลือด เซลล์สมอง เซลล์ผิวหนัง
****เป็นไงครับเรื่องของวิตามิน อี ที่มีผลต่อร่างกาย
ชนิดที่ขาดไม่ได้เลย ดังนั้นเราจึงควรรับประทานอาหาร
ที่มีสารอาหารประวิตามิน อี ตามความต้องการของร่างกาย
นะครับอย่างน้อยเพื่อสุขภาพของเราจะได้อยู่กับเราไป
อีกนานๆ
*****แล้วพบกันใหม่กับพบความต่อไปนะครับ

วันพฤหัสบดีที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2552

วิตามิน B

***วิตามิน B กับอารมณ์
มีอะไรอยู่ในวิตามิน บี บ้างคุณเคยถามคำถามนี้บ้างไหม
และคุณเชื่อมั้ยว่าวิตามิน บี สามารถช่วยให้สมองปลอดโปร่ง
ทำให้ร่างกายมีความฉับไว แล้วยังทำให้อารมณ์ของคุณแจ่มใส
ได้อีกด้วย
*****วิตามิน บี จัดว่ามีความสำคัญอย่างมากต่อระบบประสาทที่
ควบคุมความตื่นตัว ความจำและอารมณ์ โดยวิตามิน บี แต่ละชนิด
จะทำงานร่วมกันในการควบคุมความสมดุลของร่างกาย เพราะในวิตามิน
บี จะผลิตสารสื่อประสาทที่ช่วยให้ผ่านคลายหรือทำให้ร่างกายสามารถ
เผชิญกับสภาวะความตึงเครียดได้ดี
*****วิตามิน บี ทุกชนิดเป็นส่วนประกอบสำคัญและทำงานร่วมกัน
ในการเผาผลาญอาหารที่เรารับประทาน และยังมีส่วนสำคัญในการ
เจริญเติบโตและขบวนการสร้างเม็ดเพื่อให้สามารถนำพาออกซิเจน
ไปเลี้ยงเซลได้อย่างทั่งถึง
*****วิตามิน บี มีหลายชนิด ดังนั้นถ้าร่างกายเราได้รับวิตามิน บี
เพียงพอก็เป็นที่มาของพลังงานทำให้ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่า
พร้อมมากขึ้นสำหรับงานหนัก
*****วิตามิน บี เป็นวิตามินที่ร่างกายสามารถสังเคราะห์ขึ้นเองไม่ได้
ต้องรับจากอาหารหรือวิตามินเสริมเท่านั้น
ถ้าคุณเป็นคนดื่มสังสรรค์บ่อยครั้งจะทำให้ร่างกายขาดวิตามิน บีเป็นจำ
นวนมาก การเรียนหนักมาก การแข่งขันการทำงาน สิ่งต่างในชีวิต
ประจำวันจะเป็นตัวเร่งเร้าให้ร่างกายต้องกายวิตามิน บี มากขึ้น
*****บุคคลเหล่านี้ควรได้รับวิตามิน บี เพิ่มขึ้นคือ
1.ผู้บริหารทุกระดับ
2.ผู้ที่มีความเครียดเป็นประจำ
3.นักเรียน นักศึกษา ที่เรียนหนัก
4.ผู้ที่นิยมดื่มสุราเป็นประจำ
*****ไงก็ขอให้รักษาตัวเองให้ดีก่อนนะครับ อย่าไป
หาทางรักษาเอาที่หลัง เพราะผลที่ได้คือ เสียเงิน เสียเวลา
ก็ขอให้มีสุขภาพดี ๆ กันนะครับ

วันอาทิตย์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2552

ขิง

ขิง กับประโยชน์ที่ใกล้ตัว

*** ขิงเป็นพืชผักสวนครัว ขิงเป็นพืชที่ปลูกได้ง่าย และขิงก็โตเร็ว
ทุก ๆ ที่อาจปลูกขิงไว้ตามบ้าน หรือถ้าใครไม่ได้ปลูกขิง
ก็สามารถหาซื้อขิงได้ง่ายตามท้องตลาด ตามห้างสรรพสินค้าก็
มีขิงไว้ขาย และขิงก็ราคาถูก
ทุก ๆ บ้านใช้ขิงปรุงอาหาร ขิงเป็นส่วนผสมในการปรุงอาหารได้
หลายอย่าง และเมื่อใส่ขิงผสมกับอาหารที่ทำ ขิงจะเพิ่มรสชาติ
ให้อาหารอร่อยขึ้นเยอะเลย ไม่ว่าจะใช้ขิงทำอาหาร อย่างเช่น
ผัดไก่ใส่ขิง ก็แสนอร่อย
*** นอกจากขิงจะใช้ปรุงอาหารแล้ว ขิงยังสามาถนำมาใช้เสริม
ความงามได้ด้วย และขิงไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
แถมยังประหยัดเงินได้มากทีเดียว
*** ในบทความนี้เรานำขิงมาช่วยทำให้เส้นผมดกดำขึ้น
สำหรับคนที่ไปเกิดอุบัติเหตุที่ศีรษะมา ทำให้เกิดแผลที่ศีรษะมีรอยแหว่ง
เป็นเหตุทำให้ผมบริเวณนั้นไม่ขึ้น เรามีวิธีช่วยคืนเส้นผมให้กับคุณได้
วิธีทำก็คือ
นำขิงมาหั่นเป็นแว่น ๆ แล้วนำขิงมาโปะที่ศีรษะบริเวณที่ผมไม่ขึ้นนั้น
ให้หมั่นโปะขิงทุก ๆ วัน ไม่นานเส้นผมก็จะงอกขึ้นมาแทนที่รอยแหว่ง

แล้วอย่าลืมทำกันดูนะคะ ได้ผลอย่างไรก็เขียนมาเล่ากันบ้าง
แล้วเจอกันใหม่ในบทความต่อไปค่ะ สบายดีค่ะ

เทคโนโลยีกับโลกยุคดิจิตอล

Signup to AlertPay today

เปิดบัญชีออนไลน์เพียงแค่ใช้ email ก็สามารถเปิดใช้ AlertPay ได้แล้วครับ ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย